×

‘แสนสิริ’ ผนึกกำลัง 6 พันธมิตรธุรกิจ พร้อมก้าวสู่แบรนด์ระดับโลก [Advertorial]

15.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • แสนสิริลงทุน 2,800 ล้านบาท จับมือ 6 พันธมิตรเสริมแกร่งธุรกิจทั้ง The Standard, One:Night, Hostmaker, JustCo, Farmshelf และ Monocle
  • ปรับทิศธุรกิจ ขยายฐานต่างประเทศ ตอกย้ำแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์
  • เน้นแนวทางการลงทุนแบบ Asset Light ที่เน้นสภาพคล่องที่ดี ไม่ถือสินทรัพย์มาก ซึ่งทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว

     ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองสำหรับวงการธุรกิจ เมื่อผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายสำคัญ ‘แสนสิริ’ ประกาศร่วมลงทุนกับ 6 พันธมิตรระดับโลกเพื่อขยายธุรกิจและตั้งเป้าการทำตลาดในภูมิภาคด้วยเม็ดเงิน 80 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2,800 ล้านบาท และก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก

     และนี่คือการลงทุนครั้งสำคัญในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของแสนสิริ 

จับมือแบรนด์อินเตอร์เสริมทัพ ต่อยอดสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์

     หลังจากหัวเรือใหญ่ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีการแถลงข่าว (8 พ.ย. 2560) มองทิศทางขยายตัวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอยู่ระดับไม่สูงนัก ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ แต่แสนสิริยังตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงมองโอกาสการลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจด้วยการต่อยอดด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยลงร่วมลงทุนกับ 6 พันธมิตรระดับโลก ได้แก่

  1. Standard International บูติกโฮเทล ‘The Standard’ ที่มีความโดดเด่นด้านไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ที่เป็นเลิศแก่ลูกค้า ทุกแห่งจะมีภัตตาคาร สถานที่พักผ่อนยามค่ำคืน และร้านค้าปลีก มี 5 สาขาในสหรัฐอเมริกา และมีแผนเปิดสาขาที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 2018 โดยแสนสิริจะบริหารจัดการโรงแรม The Standard ที่จะเปิดสาขาในประเทศไทย และวางแผนลงทุนสร้าง The Standard Residence ที่พักอาศัยระดับบน ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการเป็นมืออาชีพด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ (ลงทุน 1,900 ล้านบาท)
  2. One:Night แอปพลิเคชันจองที่พักในโรงแรม เป็นส่วนหนึ่งของ Standard International แพลตฟอร์มบนมือถือที่เติบโตและสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดนิ่ง ขณะเดียวกันก็ต้องการข้อเสนอที่ดีที่สุดด้วย โดยจะร่วมมือกับแสนสิริในการพัฒนาระบบและสร้างโอกาสทางธุรกิจ
  3. Hostmaker บริการ Home Sharing สำหรับการเช่าที่พักอาศัย บริษัทผู้บริหารจัดการการจองที่พักอาศัยอันดับหนึ่งของ Airbnb มีประสบการณ์ให้บริการลูกค้ากว่า 1.5 แสนคนทั่วโลก ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางการสร้างรายได้ในต่างประเทศของแสนสิริ (ลงทุน 220 ล้านบาท)
  4. JustCo ผู้ให้บริการ Co-working Space ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วางแผนขยายสาขาเพิ่ม 20 แห่งในปี 2018 ซึ่งเติบโตตามแนวโน้มของรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป วางแผนร่วมกับแสนสิริในการเปิด 4 สาขาในประเทศไทยปีหน้า และจะขยายธุรกิจต่อเนื่องในตลาดเอเชีย (ลงทุน 398 ล้านบาท)
  5. Farmshelf ผู้ให้บริการเทคโนโลยีปลูกผักอัตโนมัติ สร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่พักอาศัย ซึ่งถือเป็นอีกธุรกิจที่คนให้ความสนใจ เนื่องจากแนวโน้มของธุรกิจสุขภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากผักที่สะอาดและมีประโยชน์แล้ว Farmshelf ยังจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในการประดับตกแต่งให้กับโครงการของแสนสิริทั้งในและต่างประเทศด้วย (ลงทุน 10 ล้านบาท)
  6. Monocle ภายใต้บริษัท Winkontent AG กลุ่มธุรกิจสื่อที่โดดเด่นด้านเนื้อหาไลฟ์สไตล์ มีฐานลูกค้าที่มีรสนิยมเป็นเลิศและมีกำลังซื้อทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีธุรกิจค้าปลีกด้วย การร่วมมือของสื่อระดับโลกอย่าง Monocle และผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างแสนสิริจะช่วยตอกย้ำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ในเวทีโลกแข็งแกร่งขึ้น นอกจากประโยชน์ด้านสื่อ ยังเตรียมลงทุนร่วมกันเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบมิกซ์ยูสในปีหน้าด้วย (ลงทุน 196 ล้านบาท) และในค่ำวันเดียวกัน แสนสิริ ได้จัดงานปาร์ตี้ฉลองการร่วมมือครั้งสำคัญอีกครั้ง โดยมี อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมขึ้นกล่าวถึงแผนความร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 6 อีกครั้ง  

 

    จะพบว่าทุกธุรกิจที่ลงทุน แม้จะไม่ใช่ธุรกิจหลักที่ทำอยู่ แต่ก็เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งสิ้น แสนสิริมองว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ขยายฐานลูกค้า และสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศด้วย

     สำหรับ THE STANDARD มีความสนใจในแบรนด์ที่เข้าไปลงทุนมากที่สุดถึง 35% คือ Standard International ที่มีแบรนด์โรงแรมที่แข็งแกร่งอย่าง The Standard ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนดังระดับโลก และโดดเด่นเรื่องการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค

 

 

      อามาร์ ลาลวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ The Standard ให้ข้อมูลว่า รายได้ของโรงแรมมากกว่า 50% มาจากส่วนอื่นที่ไม่ใช่ค่าห้องพัก ซึ่งสะท้อนความนิยมของสินค้าและบริการในโรงแรมที่นำเสนอลูกค้าในรูปแบบที่แปลกใหม่อยู่เสมอ โดยการร่วมลงทุนครั้งนี้มีความสำคัญ นอกเหนือจากการขยายกิจการในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ก็มองศักยภาพของกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เป็นที่ต่อไป ซึ่งจะร่วมลงทุนและทำงานอย่างใกล้ชิดกับแสนสิริ โดยคาดว่าจะเปิด The Standard สาขาแรกในกรุงเทพมหานคร และอาจจะขยายสาขาสองที่ภูเก็ตในเฟสถัดไป ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยแสนสิริจะเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมให้ นอกเหนือจากธุรกิจโรงแรมที่มีการลงทุนแล้ว ในส่วนของ  One:Night ที่เป็นแอพพลิเคชันของ Standard International ก็ยังเข้ามามีส่วนรวมในการร่วมธุรกิจ โดย จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร One:Night มองว่าการลงทุนจากแสนสิริช่วยให้มีเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในระดับนานาชาติ อีกทั้งยังทำให้ One:Night เข้าถึงโอกาสจากการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ของแสนสิริ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ทุกฝ่ายเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง One:Night ตอบโจทย์การบริหารการจองที่พักในกลุ่มโรงแรม The Standard มาโดยตลอด และมีความเชี่ยวชาญในระดับสูงที่จะนำมาใช้กับลูกค้าในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

     สำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ แสนสิริ ตอกย้ำแนวทางการลงทุนแบบ Asset Light ที่เน้นสภาพคล่องที่ดี ไม่ถือสินทรัพย์มาก ซึ่งทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว  

     นอกเหนือจาก 2 พันธมิตรที่ยกมาข้างต้น รายชื่อของพันธมิตรด้านไลฟ์สไตล์ที่เหลือก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง นี่จึงถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ที่แสนสิริเลือกที่จะเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลง โดยยกระดับธุรกิจ เสริมความแกร่งด้วยเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ คิดใหญ่ด้วยการขยายฐานไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วยเครือข่ายของพันธมิตรระดับโลกที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้

 

อ้างอิง :

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising