วานนี้ (24 มกราคม) กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ปรมาณูได้ออกแถลงการณ์ถึงการที่เข็มนาฬิกาวันสิ้นโลกขยับเข้าใกล้เวลาเที่ยงคืนมากที่สุดในรอบ 3 ปี โดยนาฬิกาวันสิ้นโลกนี้เป็นสัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นโดยสมาคม Bulletin of the Atomic Scientists ในปี 1947 เพื่อเป็นเครื่องมือที่ใช้สะท้อนผลการกระทำของมนุษยชาติที่ก่อให้เกิดปัญหาอันใหญ่หลวงในประชาคมโลก โดยก่อนหน้านี้เข็มของนาฬิกาวันสิ้นโลกได้ตั้งไว้ที่ 100 วินาทีก่อนจะถึงเวลาเที่ยงคืน
สาเหตุหลักที่ทำให้เข็มของนาฬิกาเดินขึ้นไป 10 วินาที เป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งดำเนินมานานเกือบ 1 ปีเต็ม โดยแถลงการณ์จาก Bulletin ยังอธิบายเพิ่มอีกว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้เกิดคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการปฏิสัมพันธ์ของประเทศต่างๆ ในประชาคมโลก อีกทั้งสงครามยังส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งต่อพืชผลทั่วโลก และการจัดหาแหล่งพลังงานเชื้อเพลิง ตลอดจนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เข็มนาฬิกาขยับเข้าใกล้เที่ยงคืนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากสงครามนิวเคลียร์ วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่วนหนึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา รวมถึงสภาพอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ภาวะโรคภัยไข้เจ็บและโรคระบาดอย่างโควิด โครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่อ่อนแอลง และการบิดเบือนข้อมูลจนเป็นข้อมูลเท็จเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เข็มนาฬิกาวันสิ้นโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น
แมรี โรบินสัน อดีตข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และสมาชิกของกลุ่มผู้นำอิสระระดับโลกอย่าง The Elders ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของเข็มนาฬิกาในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับมวลมนุษยชาติ เรากำลังอยู่บนปากเหว ปัญหาเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงในปี 2023 นี้ถ้าหากเราทุกคนอยากที่จะเลี่ยงโลกาวินาศที่จะเกิดขึ้น โดยบรรดาผู้นำจะต้องมีความสามารถและมีกระบวนการรับมือกับวิกฤตต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที เพื่อรักษาความสงบสุขและความน่าอยู่ของโลกใบนี้ต่อไป
ขณะที่สมาคม Bulletin ใช้นาฬิกาวันสิ้นโลกเพื่อส่งสัญญาณเตือนอันตราย พร้อมเน้นย้ำว่า นาฬิกาวันสิ้นโลกไม่ได้ทำหน้าที่ทำนายอนาคตแต่อย่างใด แต่ใช้สำหรับการวิเคราะห์เหตุการณ์ระหว่างประเทศ แนวโน้มและความพยายามของรัฐต่างๆ ในการบรรเทาอันตรายต่อมนุษยชาติเท่านั้น
ภาพ: Anna Moneymaker / Getty Images
อ้างอิง:
