วันนี้ (23 มิถุนายน) รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประชาชนตัวหด ลีบเล็กที่สุดทำให้ประชาชนไม่มีศักดิ์ศรีทั้งๆ ที่พวกเขาคือเจ้าของอำนาจของประเทศนี้แท้ๆ
เริ่มตั้งแต่การทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ที่ได้มีการเปลี่ยนองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญการตั้งคนของตนเองเข้าไปใช้อำนาจกวาดล้าง และทำร้ายสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายตรงข้าม และสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ร่างขึ้นเอง และผ่านการทำประชามติจอมปลอมทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถบริหารประเทศได้จึงทำให้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกยุบ และเชื้อเชิญนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามเข้ามุ้งตนเอง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารทำลายขบวนการประชาชนแม่มีรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยก็ค่อยๆ ใช้กฎหมายบั่นทอนให้อ่อนแอและสร้างสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การทำรัฐประหารที่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อปี 2557 และเมื่อยึดอำนาจในครั้งนั้นก็ได้มีการรวบหัวรวบหางข้าราชการและรวมแหล่งทุน
จากนั้นก็ได้ดูด ส.ส. พรรคตรงข้ามเข้ามาเป็นพวกตนเอง และเมื่อตนเองพร้อมก็ได้จัดตั้งการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาใหม่โดยใช้เครือข่ายอำนาจและอิทธิพลต่างๆ ที่สั่งสมมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง และยังมีการแผ่กิ่งก้านสาขาในการดึงพวกพ้องน้องพี่เพื่อเป็นหลักประกันให้รัฐบาลนี้บริหารงาน และตีงานโดยให้ตนเองเป็นผู้ถูกเสมอโดยทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดการสถาปนาระบอบประยุทธ์ได้อย่างใจปรารถนา จะได้ไม่มีใครตอบคำถามเรื่องตั๋วช้าง เรื่องวัคซีนและเรื่อง IO รวมทั้งกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและกฎหมายยกเลิกมาตรา 112
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้เห็นแผนการใหญ่ของฝ่ายเผด็จการที่ดำเนินการมาตั้งแต่อดีตและดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาพยายามที่จะหยุดยั้งความชั่วร้ายเหล่านั้นผ่านการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่สุดท้ายก็เกิดการล้มกระดาน ซึ่งตัวการก็ไม่ใช่ใครอื่นก็คือ ส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 250 คนที่นั่งอยู่ในสภาวันนี้ บุคคลเหล่านี้ไม่ได้อยากให้เราทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือการแก้รัฐธรรมนูญเฉพาะบางมาตราที่หมดประโยชน์กับตนเองแล้วเท่านั้นแต่กับสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ตัวเองเข้ามามีอำนาจวาสนาก็เลือกที่จะกอดมันเอาไว้ ไม่สนว่ามันจะทำลายหลักการประชาธิปไตยทำร้ายเสียงของประชาชน ทำลายคุณค่าที่สังคมยึดถือเอาไว้ขนาดไหน
“ภายหลังจากการคว่ำการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สำเร็จ พรรคพลังประชารัฐก็เดินหน้าแผนต่อไปทันที โดยการเสนอแก้ไขแบบรายมาตราคัดมาเฉพาะมาตราที่มาหลอกประชาชนได้ พรรคก้าวไกล เห็นว่าประเด็นที่สำคัญและจำเป็นที่สุดที่จะต้องแก้ให้ได้เด็ดขาดก็คือมีอยู่เพียงประเด็นเดียว คือการยกเลิกอำนาจของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ลงชื่อในญัตติดังกล่าวร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ เพียงร่างเดียว” รังสิมันต์ กล่าว
รังสิมันต์กล่าวด้วยว่า เราต้องยอมรับความจริงว่า ส.ว. 250 คนชุดนี้คือกลไกการสืบทอดอำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยความชอบธรรม ซึ่งเป็นความสำคัญที่สุดของบ้านเมือง ดังนั้น ผู้ที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมานั้นจะต้องได้รับมอบอำนาจจากประชาชนซึ่งพวกท่าน ส.ว. ทั้งหมดหาได้มีความชอบธรรมนั้นเลย
ระหว่างการอภิปรายของ รังสิมันต์ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ได้ลุกขึ้นประท้วง การกล่าวหาวุฒิสภาของรังสิมันต์ว่า ส.ว. นั้นมีที่มาจากบทเฉพาะกาลที่ประชาชนลงประชามติ 16 ล้านคน เมื่อปี 2559 แต่ท่านรังสิมันต์ที่อภิปรายอยู่นั้นมีพื้นที่หรือไม่ โดยคะแนนเสียงที่ได้มาก็ปัดเศษมา ทำให้ ธีรัจชัย พันธุมาศ, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยได้ลุกขึ้นขอให้ประธานในขณะนั้นคือ พรเพชร วิชิตชลชัย ได้วินิจฉัยถึงการลุกขึ้นประท้วงของกิตติศักดิ์และการทำหน้าที่ของประธาน
จากนั้น รังสิมันต์ ได้กลับมาอภิปรายในประเด็นเดิมอีกครั้ง คือที่มาของวุฒิสภาว่ามาจากการเลือกของ คสช. ยังคงเป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองถึงแม้ประชาชนจะอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่น แต่หาก ส.ว. ไม่ยอมประชาชนก็ต้องทนอยู่กับนายกรัฐมนตรีคนเดิมต่อไป มาตรา 272 นี้จึงเป็นการแช่แข็งประเทศไทยไม่ให้เดินไปข้างหน้า ส.ว. ชุดนี้ได้ใช้อำนาจที่ตนเองมีทำร้ายความรู้สึกและความหวังของคนรุ่นใหม่และพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองในหลายๆ ครั้ง ทำไมเราต้องยอมเสียเงินภาษีของประชาชนเดือนละ 28 ล้านบาทเพื่อเข้ากระเป๋าคนกลุ่มนี้ขึ้นมาขี่คอประชาชนที่อวดดีว่าเลือกผู้นำได้เก่ง
“วันนี้ข้อเสนอของสังคมกำลังไปไกลมากกว่ายกเลิกมาตรา 272 แล้ว อาจจะเป็นการคิดไปถึงการยุบ ส.ว. และเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่สภาเดี่ยวก็เป็นไปได้ จึงหวังว่าครั้งนี้ ส.ว. จะสำเหนียกตนเองโดยการสละอำนาจที่ไม่ชอบธรรมนี้เสีย อย่าทำบาปกรรมให้กลับประเทศไทยไปมากกว่านี้เลยการยกเลิกมาตรา 272 จึงเป็นประตูแรกที่เราจะต้องออกจากเผด็จการ ซึ่งหากเปิดประตูบานแรกสำเร็จหนทางสู่การจัดตั้งรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนก็ไปต่อได้” รังสิมันต์ กล่าว
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเมื่อประชาชนออกมาตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจสุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นก็จะยังคงถูกข่มขู่คุกคามถูกกล่าวฟ้องสารพัดคดี ถูกปฏิเสธสิทธิ์ในฐานะผู้บริสุทธิ์อย่างที่เคยเป็นมา โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นแค่การปรับแต่งรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ให้กลายพันธุ์และดูดีให้น่าคบหาเท่านั้น เราจะเล่นปาหี่แบบนี้ไปอีกนานไหม พรรคก้าวไกล จึงเรียกร้องให้ทุกคนกลับมาสู่แนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันเห็นชอบกับการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่สุดเฉพาะหน้าในการหยุดสืบทอดอำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหากปรากฏว่าท้ายที่สุดญัตติยกเลิกมาตรา 272 ถูกคว่ำลงอีกครั้ง ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าละครครั้งนี้ที่มีนักแสดงค่าตัวแพงเป็นแค่ละครปาหี่ต่อพี่น้องประชาชน เพื่อกินรวบอำนาจของประชาชนทั้งกระดานเท่านั้นเอง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า