×

เทรนด์ Work from Anywhere มาแรง! 50% ของคนอเมริกันยอมลดเงินเดือนเพื่อทำงานจากที่ไหนก็ได้

15.04.2024
  • LOADING...
Work from Anywhere

การสำรวจล่าสุดจาก Flex Jobs ที่เก็บข้อมูลจากแรงงาน 4,000 คนในอเมริกาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 พบว่า ลูกจ้างต่างเรียกร้องหาตำแหน่งงานที่สามารถ Work from Anywhere (ทำงานจากที่ไหนก็ได้) หากทุกบริษัทมีนโยบายให้ทำงานรีโมตได้ ผลโพลจาก Flex Jobs บ่งชี้ว่า 75% ของแรงงานจะเลือกทำงานแบบนี้ โดยครึ่งหนึ่งของแรงงานที่ทำการสำรวจบอกว่าเต็มใจที่จะโดนลดเงินเดือนลงเพื่อจะได้ทำงานแบบรีโมต

 

และไม่ใช่แค่เงินเดือนเท่านั้นที่เหล่าคนทำงานยินดีสละไป คนทำงานประมาณ 1 ใน 5 ระบุว่า พวกเขาจะยอมเพิ่มชั่วโมงการทำงานเพื่อที่จะได้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขณะที่ 15% บอกว่าจะสละวันลาพักร้อนของตัวเองไปด้วยซ้ำ

 

กลุ่มมิลเลนเนียลนำเทรนด์ โดย 69% ยินดีเสียสละบางอย่างเพื่อการทำงานจากที่ไหนก็ได้ เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวตกลงมาที่ 59% และ 50% สำหรับกลุ่ม Gen X และกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ตามลำดับ

 

คนทำงานที่เข้าร่วมแบบสำรวจบอกว่า พวกเขาจะสละผลประโยชน์อื่นๆ ด้วย อย่างเช่น โอกาสในการพัฒนาความรู้ความสามารถด้านอาชีพ (23%) ในขณะที่ 13% ก็จะยอมเสียประกันสุขภาพที่บริษัทจัดหาให้ ส่วนอีก 10% จะยกเลิกเงินสมทบสะสมเพื่อการเกษียณอายุจากบริษัท

 

รายงานพบว่า พนักงานส่วนใหญ่ยินดีที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อการทำงาน หากมีโอกาสทำงานระยะไกล ราว 41% บอกว่าพวกเขายินดีจะย้ายไปอยู่รัฐอื่นหากได้รับโอกาส ส่วน 40% บอกว่าจะย้ายไปอีกเมือง 25% ระบุว่าจะย้ายไปอีกประเทศ ประมาณ 16% จะทำตัวเป็น Digital Nomad และเดินทางทำงานทั่วโลก แรงผลักดันส่วนใหญ่มาจากค่าครองชีพที่ถูกลง สภาพภูมิอากาศ และวัฒนธรรม

 

ข้อมูลที่รวบรวมโดย Stanford, WFH Research และนักเศรษฐศาสตร์จาก Gusto เปิดเผยว่า สัดส่วนลูกจ้างที่อยู่ห่างออกไปจากออฟฟิศของตนมากกว่า 80 กิโลเมตร (50 ไมล์) เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากในปี 2019 มาถึงปี 2023 ขณะเดียวกันแรงงานก็มีแนวโน้มอยู่ห่างออกไปจากออฟฟิศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่คนย้ายออกจากที่อยู่เดิม และการที่บริษัทยินดีจะเปิดกว้างในการค้นหาพนักงานมากขึ้นเมื่อการทำงานแบบรีโมตเป็นที่แพร่หลาย

 

ความเต็มใจที่จะโดนลดเงินเดือนเพื่อทำงานรีโมตนั้นไม่ใช่ความคิดใหม่ แต่เป็นแนวคิดที่พิสูจน์แล้วว่ายังคงใช้ได้แม้ว่าจะเกิดการเลิกจ้าง (Layoffs) กับหลายๆ อุตสาหกรรมที่อาจจะเปิดช่องให้กับการทำงานผ่านทางออนไลน์ได้

 

โพลสำรวจ 1,148 คนทำงาน จัดทำโดย Washington Post-Ipsos เมื่อเดือนมีนาคม/เมษายน 2023 แสดงให้เห็นว่า 55% ของคนทำงานที่ทำรีโมตยินดีที่จะยอมรับตำแหน่งที่เงินเดือนน้อยกว่าเดิมถ้ายังสามารถทำงานผ่านออนไลน์ได้

 

ลูกจ้างให้คุณค่าต่อการที่สามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่นมาเป็นเวลานานแล้ว ตามที่ นิโคลัส บลูม ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานแบบ Work from Home ได้พบว่า คนทำงานมองว่าความสามารถในการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid) นั้นเทียบเท่ากับการได้ขึ้นเงินเดือน 8%

 

เจย์ ซึ่งอยู่ในวัยมิลเลนเนียลตอนปลาย ได้เล่าให้ Business Insider ฟังว่า เขาเคยยอมโดนลดเงินเดือน 35,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) เพื่อจะได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่ใกล้กับออฟฟิศ 

 

“คนที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน และนั่นคืองานของพวกเขา คือการนั่งหน้าคอมและทบทวนข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการเงิน เวชระเบียน หรืออะไรก็ตาม มันสามารถทำให้สำเร็จได้จากทุกที่เลย” เขากล่าว

 

แต่อัตราต่อรองอาจไม่ได้เอื้อต่อลูกจ้างที่อยากจะล็อกอินเข้าระบบจากบ้าน อากิ อิโตะ จาก Business Insider ได้รายงานไว้ว่า ตำแหน่งงานแบบรีโมตต้องรับมือกับจำนวนใบสมัครงานที่มหาศาล ซึ่งในเคสหนึ่งโอกาสที่จะได้ตำแหน่งนั้นต่ำกว่าโอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเสียอีก

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising