หลังจากทุกคนเฝ้ารอคอยอย่างตื่นเต้นที่จะได้มีร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังจากฝั่งอเมริกา มาเปิดสาขาแรกอยู่ในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่ ในที่สุดตอนนี้ร้าน ‘Red Lobster’ ก็พร้อมให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ พร้อมกับบรรยากาศดูพรีเมียมสมกับวัตถุดิบพระเอกประจำร้าน และหลายเมนูเด็ดที่ยกมาจากฝั่งอเมริกา
Red Lobster เป็นเชนร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังที่เปิดมานานตั้งแต่ปี 1968 มีจุดกำเนิดอยู่ในรัฐฟลอริดา ก่อนต่อมาจะประสบความสำเร็จมากภายในไม่กี่ปี เป็นที่รู้จักจากการเสิร์ฟอาหารทะเลคุณภาพดีในราคาที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้
และหลังจากเชนมีสาขาอยู่ทั่วโลกกว่า 700 แห่ง ในที่สุดกรุงเทพฯ ก็ได้เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ด้วยการยกทุกเมนูยอดนิยมจากฝั่งอเมริกามาเสิร์ฟให้ทุกคนชิม
เมื่อเดินเข้ามาทุกคนจะสังเกตเห็นได้ทันทีว่าร้านเน้นการตกแต่งด้วยเส้นลายโค้งเป็นหลัก เพราะอยากให้มีความรู้สึกเคลื่อนไหวสมกับเป็นร้านอาหารทะเล ผสมกลิ่นอายโมเดิร์นและใส่องค์ประกอบสไตล์อเมริกันไดเนอร์เข้ามาด้วยนิดๆ
ส่วนอาหารที่ร้านจะเน้นเมนูล็อบสเตอร์นำเข้าตามฤดูเป็นหลัก แต่ยังมีของกินเล่น ของหวาน ค็อกเทล และม็อกเทลให้สั่งมาชิมได้ด้วย วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปดูกันว่าหากแวะมาที่นี่แล้วมีอะไรไม่ควรพลาด
อันดับแรก Cheddar Bay Biscuit เมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ไม่ได้มาจากทะเล เพราะเป็นบิสกิตเชดดาร์ชีสทาเนยกระเทียมที่เริ่มฮิตมาตั้งแต่ปี 1992 เนื่องจากร้านทำแจกคนที่มายืนรอคิวกินอาหาร แต่รสชาติและความหอมกลับเตะตาจนต้องนำเข้ามาเป็นเมนูประจำ
เมื่อมาที่ร้านทุกคนจะได้รับบิสกิตคนละชิ้น แต่หากใครกินไม่สะใจสามารถสั่งเพิ่มได้ มีให้เลือกระหว่าง 6 ชิ้นและ 12 ชิ้น ราคาชิ้นละ 35 บาท
Shrimp Cocktail (180 บาท) น่าจะเป็นเมนูที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เพราะเสิร์ฟบ่อยในงานปาร์ตี้ เป็นเมนูกุ้งเสิร์ฟแบบเย็นพร้อมซอสค็อกเทลต้นตำรับ น่าสั่งมากินเล่นระหว่างรออาหาร
แนะนำซิกเนเจอร์กินเบาๆ อีกสักอย่าง Lobster Tail Lobster Roll (980 บาท) ถ้าหากถามถึงเมนูล็อบสเตอร์กับชาวอเมริกัน เราเชื่อว่าส่วนใหญ่ก็ต้องแนะนำเมนูนี้ล่ะ
โดยของร้าน Red Lobster จะทำตามฉบับคลาสสิก คือนำเนื้อล็อบสเตอร์ทั้งชิ้นไปคลุกซอสมายองเนสและเซเลอรี ก่อนเสิร์ฟมาในขนมปัง กินคู่กับเครื่องเคียงอย่างสลัดและฟรายส์
มาชิมเมนูสำหรับคนอยากกินล็อบสเตอร์แบบจุกๆ กันบ้าง ร้านจะมีให้เลือกหลายสไตล์ตั้งแต่เสิร์ฟแบบเดี่ยวๆ ทั้งตัว หรือมาพร้อมซอสปรุงรส เช่น Spaghetti Aglio Olio with Live Maine Lobster (1,620 บาท) เป็นสปาเกตตีพริกกระเทียมแบบคลาสสิก แต่เสิร์ฟมาพร้อมล็อบสเตอร์สดๆ ที่ปรุงด้วยเนยกระเทียมแบบฉ่ำๆ
ร้านบอกว่าล็อบสเตอร์ส่วนใหญ่จะนำเข้ามาจากแคนาดาเป็นหลัก แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบบ้างตามฤดูกาล ราคาก็เช่นกัน
เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากลิ้มลองล็อบสเตอร์สดๆ จากมหาสมุทรแอตแลนติกแบบไม่ปรุงแต่ง เราแนะนำให้สั่ง Live Maine Lobster (1,350 บาท) ที่ร้านเลือกใช้เมนล็อบสเตอร์ตัวโตๆ เนื้อหวานนุ่มมาอบพร้อมซอสบัตเตอร์สูตรเฉพาะ ทำให้ล็อบสเตอร์ยังคงความฉ่ำและหวานธรรมชาติ
และหากใครอยากลองแกะเองก็ได้ แต่ที่ร้านก็มีบริการแกะให้เช่นกัน (หลังจากทุกคนถ่ายรูปเสร็จแล้ว)
เนื้อส่วนหางของล็อบสเตอร์จะมีความเด้งแน่นที่สุด ถ้าใครอยากสัมผัสแบบเต็มๆ คำ ร้านจะมีเมนูที่ใช้ส่วนหางของล็อบสเตอร์เท่านั้นให้สั่งมาลองด้วย
เช่น Duo Lobster Tails (1,550 บาท) เสิร์ฟหางล็อบสเตอร์ 2 ชิ้นมาพร้อมซอสคนละรสชาติ คือซอสคลาสสิกที่โชว์ความหวานและเนื้อสัมผัสล็อบสเตอร์ ส่วนอีกชิ้นเป็นซอสเทอร์มิดอร์รสชาติเข้มข้น
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าชอบรสชาติแบบไหนมากกว่า ทว่าอย่าลืมบีบเลมอนเพิ่มรสชาติเปรี้ยวๆ หอมๆ ด้วยก็พอ
อาหารแนะนำจานสุดท้าย Ultimate Feast (1,950 บาท) เป็นจานรวมเมนูไฮไลต์มาให้ชิมในจานเดียว เราแนะนำสำหรับคนมาครั้งแรกแต่ตัดสินใจเลือกไม่ได้ หรือวันไหนอยากลองหลายๆ อย่าง เพราะเมนูนี้มีครบทั้งหางล็อบสเตอร์ ปูหิมะ กุ้งอบเนย กุ้งทอดกรอบ โดยทุกคนเลือกเครื่องเคียงเพิ่มได้ 2 อย่าง เช่น มันฝรั่ง แอสพารากัส หรือโคลสลอว์
ปิดท้ายด้วยของหวานและค็อกเทลที่เป็นเครื่องดื่มจริงๆ โดยร้านจะมีซิกเนเจอร์ค็อกเทลให้สั่งมาลองด้วย เมนูน่าสนใจเช่น Lobsterini Martini (280 บาท) ที่มีกุ้งเสิร์ฟมาให้กินคู่เครื่องดื่ม หรือ Lobsterfest Rum Punch (280 บาท) และ Lobster Rock (250 บาท) ก็เหมาะสำหรับสั่งมาจิบคู่กับอาหารเพื่อเรียกความสดชื่น
เมนูขนมซิกเนเจอร์ต้องลองก็มี Signature Strawberry Shortcake (250 บาท) ที่ใช้สตรอว์เบอร์รีสด ซอสสตรอว์เบอร์รี และวิปครีม จัดมาให้แบบเต็มๆ โดนใจคนชอบเมนูสตรอว์เบอร์รีแน่นอน
แต่ถ้าเป็นคนชอบของหวานที่หนักแน่นขึ้นมาหน่อย เราบอกเลยว่าอย่าพลาด Flambe Burnt Cheesecake (280 บาท) เป็นชีสเค้กวอลนัตที่มาพร้อมโฮมเมดรัมคาราเมลซอส ก่อนเสิร์ฟจะราดด้วยเหล้ารัมที่จุดไฟให้แอลกอฮอล์ระเหยออกจนหมด แต่ยังคงมีความหอม
นอกจากเมนูล็อบสเตอร์ต่างๆ แล้ว ร้านก็ยังมีสเต๊ก เบอร์เกอร์ สลัด ฟิชแอนด์ชิปส์ ให้สั่งมาลองได้อีก ถ้าใครอยากชิมล็อบสเตอร์และอาหารทะเลสดใหม่แบบจุใจสไตล์อเมริกันก็ลองแวะมาได้เลย โดยเราแนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้าเพื่อจะมั่นใจว่าเดินทางไปแล้วได้กินล็อบสเตอร์แน่นอน!
Red Lobster
Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
Address: ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G
Budget: เริ่มต้น 1,000-2,000 บาท
Facebook: www.facebook.com/redlobsterthailand
Instagram: redlobsterth
Map: https://goo.gl/maps/tS8qMVzidEoCoNdc7