รายา vs. แรมส์เดล การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของ มิเกล อาร์เตตา

อาร์เซนอลประเดิมการกลับมาในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในรอบ 6 ปีได้อย่างสวยงาม ด้วยชัยชนะเหนือพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน 4-0

แต่คนที่อาจไม่มีความสุขนักคือ อารอน แรมส์เดล ผู้ต้องสงสัยว่ากำลังจะกลายเป็น ‘อดีต’ นายทวารมือหนึ่งของทีม หลังต้องนั่งอยู่บนม้านั่งสำรองเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน และเฝ้ามองดู ดาบิด รายา คู่แข่งที่ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงต่อเนื่องต่อจากเกมที่พบกับเอฟเวอร์ตันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การได้ลงสนามต่อเนื่องของประตูหน้าใหม่ ซึ่งย้ายมาจากเบรนท์ฟอร์ดเมื่อช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา กำลังเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่มันก็มาพร้อมกับคำถามตัวเท่าปืนใหญ่เช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงฟอร์มการเล่นของแรมส์เดล ซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมมาโดยตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาจากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน และในฤดูกาลที่แล้วก็เป็นคนที่ช่วยปกปักรักษาทีมมาเป็นอย่างดีโดยตลอด

มิเกล อาร์เตตา กำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้กันแน่?

หลังจบฤดูกาลที่แล้วด้วยความผิดหวัง เมื่อพลาดท่าเสียทีให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในช่วงท้ายฤดูกาล ทั้งๆ ที่พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงต่อเนื่องยาวนานถึง 248 วัน ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา อาร์เซนอลและอาร์เตตาจึงมีเป้าหมายที่ชัดเจน

พวกเขาต้องการยกระดับทีมที่มีอยู่ เพื่อให้พร้อมสำหรับการเป็นผู้ท้าชิง (Title Contender) ตัวจริง ที่จะไม่ถูกมองว่าเป็นแค่ความสำเร็จที่เกินความคาดหมาย และต้องดีพอที่จะสู้กับโคตรทีมอย่างแมนฯ ซิตี้ ในระดับ ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’ ได้ทั้งฤดูกาล

ดังนั้นเราจึงได้เห็นการเสริมทัพที่ไม่เน้นในเรื่องของปริมาณ แต่เน้นในเรื่องของคุณภาพล้วนๆ

อาร์เซนอลเปิดตลาดด้วย ไค ฮาเวิร์ตซ์ ผู้เล่นสารพัดประโยชน์จากเชลซี ต่อด้วย ดีแคลน ไรซ์ ที่ย้ายมาจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติของพรีเมียร์ลีกในขณะนั้น (ก่อนที่สถิติจะถูก มอยเซส ไกเซโด ทำลายในเวลาต่อมา) และ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ปราการหลังอนาคตไกล

เรียกได้ว่ามาครบทั้ง ‘หน้า-กลาง-หลัง’ ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะพอแล้ว

แต่ปรากฏว่าก่อนเปิดฤดูกาล อาร์เซนอลจัดการคว้าตัว ดาบิด รายา นายทวารชาวสเปนจากเบรนท์ฟอร์ด มาร่วมทีมอีกรายด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล แต่มีดอกจันว่า ‘มีเงื่อนไขสำหรับการย้ายทีมเป็นการถาวร’

โดยที่การคว้าตัวรายามาได้ทำให้เกิดประเด็นการถกเถียงกันพอสมควร

เหตุผลนั้นเป็นเพราะที่ผ่านมาอาร์เซนอลมีแรมส์เดลเป็นมือหนึ่งที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นนายทวารดาวรุ่งที่ฝีไม้ลายมือในการป้องกันประตูโดดเด่น มีช็อตซูเปอร์เซฟช่วยชีวิตทีมให้เห็นบ่อยๆ อีกทั้งยังเป็นนายทวารที่ใช้เท้าเล่นฟุตบอลได้ดีพอสมควร

ที่สำคัญคือ เป็นผู้เล่นที่เป็นที่รักของทั้งเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอล ด้วยบุคลิกความสดใส เป็นคนที่เต็มไปด้วยพลังบวก และทุ่มเทให้กับการเล่นเสมอ

การที่จู่ๆ อาร์เตตาไปคว้ารายาเข้ามา เพื่อให้เกิดการแข่งขันช่วงชิงตำแหน่ง ‘มือหนึ่ง’ ของทีมจึงเป็นเรื่องที่แปลก เพราะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น

อะไรที่ดีอยู่แล้ว…ไม่ต้องซ่อม!

หนึ่งในคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเดินหมากตานี้ของอาร์เซนอลคือสุดยอดผู้รักษาประตูระดับตำนานอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิล ยักษ์เดนส์แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด ที่คว้าแชมป์มากมายกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ในบทวิเคราะห์ทางสถานี CBS Sports หลังเกมแชมเปียนส์ลีก ชไมเคิลตั้งคำถามถึงการลงสนามของรายาว่า “คุณคิดว่ารายาเป็นผู้รักษาประตูที่ดีกว่าแรมส์เดลหรือ? เพราะผมไม่คิดเช่นนั้น”

ย้อนกลับไปในช่วงเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก ชไมเคิลเคยแสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกันในรายการ BBC Radio 5 Live โดยบอกว่า “แรมส์เดลทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากกับอาร์เซนอลเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาเล่นด้วยเท้าได้ดีมาก และยังทำได้ยอดเยี่ยมในทุกด้านที่เป็นแก่นของการเป็นผู้รักษาประตู ผมเองก็เคยประหลาดใจในตอนที่อาร์เซนอลจ่ายเงินไม่น้อยเพื่อซื้อตัวเขามาร่วมทีม เพราะตอนนั้นผมยังมองภาพเขาไม่ชัด แต่เขาทำให้ผมประหลาดใจ สำหรับผม เขาคือผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของอังกฤษตอนนี้

“ในเมื่อเขาทำได้ดีมากๆ แล้ว ผมจึงไม่เข้าใจว่าทำไม (มิเกล) อาร์เตตาถึงอยากทำให้เกิดโอกาสที่จะมีปัญหาขึ้น เพราะมันน่าจะเป็นปัญหาแน่ๆ”

ปัญหาที่ว่าของชไมเคิลคือ เรื่องความละเอียดอ่อนของการเป็นผู้รักษาประตูในทีม

“ตำแหน่งผู้รักษาประตูเป็นตำแหน่งที่ต้องรอให้มีการกระตุ้นจากสถานการณ์ เราไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ต้องรอให้มันเกิดเหตุการณ์ขึ้นก่อน เมื่อคุณมาบอกให้ผู้รักษาประตูพิสูจน์ตัวเองว่าเขาดีกว่าอีกคน นั่นหมายถึงคุณต้องลงไปในสนาม และพยายามที่จะทำอะไรให้มากกว่าปกติ ซึ่งไม่มีผู้รักษาประตูคนไหนอยากทำแบบนั้น

“มันเป็นตำแหน่งที่ต้องการความมั่นคง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ การที่ผู้รักษาประตูพยายามจะทำอะไรขึ้นมาแล้วมันผิด เพราะทุกครั้งมันหมายถึงการเสียประตู”

ในความเห็นของชไมเคิล มันจะเป็นการดีกว่าที่จะมีผู้รักษาประตูที่รู้ตัวว่าเขาเป็นมือหนึ่งของทีมจริงๆ และเขาจะลงสนามเพื่อทีม

เพราะดีไม่พอจึงขอเปลี่ยน?

อย่างไรก็ดี คนที่เห็นด้วยกับการตัดสินในของอาร์เตตาก็มี เช่น เจมี คาร์ราเกอร์ ซึ่งวิเคราะห์เกมร่วมกับชไมเคิลในรายการเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา และเปิดฉากฟาดฟันทางความคิดอย่างสนุก

“ผมคิดว่า (รายา) ดีกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์” ก่อนที่อดีตปราการหลังระดับตำนานของลิเวอร์พูลจะฟันธงแบบเด็ดขาดว่า “อาร์เซนอลจะไม่มีวันได้แชมป์ลีกถ้ามีแรมส์เดลเฝ้าเสา ไม่มีวัน”

สิ่งที่น่าสนใจคือ ความเห็นของคาร์ราเกอร์ยังเป็นไปในทางเดียวกันกับความเห็นของ เธียร์รี อองรี ตำนานตัวจริงของทีมอาร์เซนอล ซึ่งร่วมวิเคราะห์เกมทาง CBS Sports ด้วยเช่นกัน

อองรีบอกว่า ตั้งแต่ที่อาร์เตตาคว้าตัวรายามาอยู่กับอาร์เซนอล สิ่งเดียวที่กุนซือชาวสเปนคิดคือ “นี่แหละมือหนึ่งของผม” และจะไม่มีเรื่องของการโรเทชันเปลี่ยนตัวไปมาอย่างแน่นอน

“มันไม่เกี่ยวกับว่าใครถูกหรือผิด มิเกล อาร์เตตา คือโค้ช เขามอง ดาบิด รายา ว่าเป็นคนที่จะช่วยให้เขาคว้าแชมป์ลีกได้ ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาขาย แบร์นด์ เลโน เขาคิดว่า อารอน แรมส์เดล เป็นคนที่จะพาทีมมาสู่ท็อปโฟร์ได้”

โดยคุณสมบัติเด่นของรายาที่ดูจะเป็นจุดที่ทำให้อาร์เตตาเชื่อมั่นว่าเขาดีกว่าเป็นเรื่องของ ‘ความเยือกเย็น’ ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ ส่วนแรมส์เดล แม้จะใช้เท้าเล่นฟุตบอลได้ดี แต่ก็ยังมีความไม่นิ่งให้เห็นบ้าง

Game On! อยากได้คืนก็มาแย่งเอา

สิ่งที่กำลังจะทำให้สถานการณ์ร้อนแรงขึ้นไปอีกคือคำพูดของรายาหลังจบเกมที่อาร์เซนอลถล่มพีเอสวี 4-0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้เล่นในแชมเปียนส์ลีกด้วย (ขณะที่แรมส์เดลอด!) และเป็นเกมที่สองติดต่อกันที่รักษาคลีนชีตได้ด้วย

รายาบอกแบบนี้ “มันเป็นการเลือกของเขา (อาร์เตตา) ไม่ใช่การเลือกของผม

“ถ้าอารอนกลับมาในทีม เขาก็ต้องสู้เพื่อทีมและพาทีมคว้าชัยชนะให้ได้

“ผมคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้รักษาประตูระดับท็อปสองคนอยู่ในทีมเดียวกัน แต่นั่นมันก็เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลในตอนนี้

“เจ้านาย (อาร์เตตา) อยากให้มีผู้เล่นในระดับท็อปสองคนทุกตำแหน่ง นั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”

ทีนี้สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดคือ อาร์เซนอลกำลังจะมีเกมสำคัญ ‘นอร์ทลอนดอนดาร์บี’ ที่จะเปิดบ้านรับมือท็อตแนม ฮอตสเปอร์ คู่ปรับร่วมเมืองที่กำลังทรงดีจัดๆ เหมือนกันในเกมพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้

รายาบอกว่า เขาเองก็ไม่ได้รับการการันตีอะไรจากอาร์เตตาเหมือนกันว่าเขาจะได้เป็นตัวจริงต่อในเกมนี้

นั่นหมายถึงการต่อสู้ระหว่างเขากับแรมส์เดลจะเริ่มต้นขึ้นในสนามซ้อมที่ศูนย์ฝึกลอนดอนโคลนีย์

ใครดีกว่าก็เอาตัวจริงไป!

อ้างอิง: