×

เตรียมชง ศบค. เคาะวัคซีนพาสปอร์ต แต่การนำไปใช้ต่างประเทศต้องรอข้อตกลงระดับสากล

โดย THE STANDARD TEAM
08.03.2021
  • LOADING...
เตรียมชง ศบค. เคาะวัคซีนพาสปอร์ต แต่การนำไปใช้ต่างประเทศต้องรอข้อตกลงระดับสากล

วันนี้ (8 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 ว่า ที่ประชุมได้หารือในประเด็นสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีมติเห็นชอบในเรื่องแรก เอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากสถานพยาบาลที่ฉีด ไม่มีค่าใช้จ่าย หากประสงค์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้นำใบรับรองการฉีดวัคซีนไปขอรับวัคซีนพาสปอร์ตหรือ ‘สมุดเล่มเหลือง’ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเล่มละ 50 บาท และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ 50 บาท โดยจะมีการออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการออกสมุดเล่มเหลือง อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้เดินทางในต่างประเทศยังต้องรอข้อตกลงระดับสากลก่อน

 

ส่วนเรื่องการลดวันกักตัว เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วมากกว่า 250 ล้านโดส ทำให้มีภูมิต้านทานและลดการติดเชื้อได้มากขึ้น ที่ประชุมเห็นชอบการลดวันกักตัวใน 3 กรณี คือ 

 

1. คนต่างชาติมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง มีเอกสารรับรองปลอดโควิด-19 ใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และตรวจหาเชื้ออีกครั้งในประเทศไทยไม่พบเชื้อ ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาให้กักตัว 14 วัน 

 

2. คนไทยเดินทางจากต่างประเทศมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือน ไม่มีเอกสารรับรองปลอดโควิด-19 ผลการตรวจหาเชื้อในประเทศไทย 2 ครั้งไม่พบเชื้อ ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน  

 

3. คนต่างชาติไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีเพียงเอกสารรับรองปลอดโควิด-19 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป และระยะต่อไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 หากฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรงอย่างน้อยร้อยละ 70 และประชาชนที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบตามเป้าหมาย บางพื้นที่อาจผ่อนคลายไม่ต้องกักตัว โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมจึงได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 และเฝ้าระวังแนวชายแดนไทย-เมียนมา จากสถานการณ์การเมืองในเมียนมา เข้มงวดบริเวณแนวชายแดน และจัดสถานกักกันตามชายแดนไว้รองรับเป็นการเฉพาะ

 

อนุทินกล่าวต่อว่า คณะกรรมการฯ พิจารณาเรื่องการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มให้ครอบคลุมประชาชนมากยิ่งขึ้น จากที่จัดหาไว้ 63 ล้านโดส ครอบคลุมประชาชน 31.5 ล้านคน โดยไม่นับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และคนอายุน้อยกว่า 18 ปี ก็อาจต้องหาเพิ่มเติมอีก 10-20 ล้านโดส โดยอาจขอให้ AstraZeneca เพิ่มกำลังผลิต หรือจัดหาวัคซีนชนิดอื่นที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลปลอดภัยมากขึ้น

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising