×

สว. เปรมศักดิ์ เสนอเพิ่มคณะกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา ไม่ได้เพื่อแบ่งเก้าอี้ แต่ให้ สว. ได้ทำงานด้านที่สนใจ

โดย THE STANDARD TEAM
30.07.2024
  • LOADING...
เปรมศักดิ์ คณะกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มการสาธารณสุข แถลงข่าวเรื่องการเสนอญัตติขอเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา จากเดิม 20 คณะ เป็น 28 คณะ

 

นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า สว. ทั้ง 200 คน มีความตั้งใจ แต่เพิ่งมาใหม่ จึงไม่รู้จะดำเนินการทางการเมืองอย่างไร แต่เวลาไม่รอท่า หากไม่มีคณะกรรมาธิการสามัญฯ มาทำงาน จะเสียกลไกของสภาสูง จึงเสนอยกร่างข้อบังคับให้เพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญฯ เป็นทั้งหมด 28 คณะ

 

เนื่องจากเห็นว่าหลายคณะกรรมาธิการสามัญฯ นำภาระงานหลายอย่างมารวมอยู่ด้วยกัน จึงยกร่างแก้ให้แยกคณะกรรมาธิการสามัญฯ ด้านเศรษฐกิจออกเป็นคณะกรรมาธิการสามัญฯ เศรษฐกิจ 1 คณะ เพื่อดูแลเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งไทยและต่างประเทศ และแยกเป็นคณะกรรมาธิการสามัญฯ ก และสถาบันการเงิน อีก 1 คณะ

 

นอกจากนี้ ยังเสนอให้แยกคณะกรรมาธิการสามัญฯ การท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมองว่าเป็นการรวมงานคนละอย่างมาไว้ด้วยกัน เมื่อเชิญปลัดกระทรวงมาชี้แจงก็มีทั้งปลัดสายท่องเที่ยวและปลัดสายกีฬา ทำให้การตรวจสอบกระท่อนกระแท่น จึงเสนอยกร่างให้แยกออกเป็น 2 คณะกรรมาธิการ คือ คณะกรรมาธิการสามัญฯ การท่องเที่ยว เพราะ สว. ชุดนี้ก็มาจากกลุ่มอาชีพท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และมีคณะกรรมาธิการสามัญฯ การกีฬา อีก 1 คณะ

 

รวมถึงคณะกรรมาธิการสามัญฯ เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ก็เสนอให้แยกเป็นคณะกรรมาธิการสามัญฯ การกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 1 คณะ และแยกคณะกรรมาธิการสามัญฯ การตำรวจ อีก 1 คณะ เพราะลำพังเรื่องตำรวจก็มีปัญหามากมายที่ประชาชนได้รับผลกระทบ

 

นพ.เปรมศักดิ์ สรุปว่า การเพิ่มคณะกรรมาธิการสามัญฯ ขึ้นมาเป็น 28 คณะ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบรัฐบาล เพราะหากไปหวังพึ่ง 38 คณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎร ตนเองเห็นว่าหากรัฐมนตรีของพรรคตนเองอยู่กระทรวงใด พรรคการเมืองนั้นก็จะส่งคนไปรับตำแหน่งในกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง แล้วจะตรวจสอบได้อย่างไร

 

“กระบวนการตรวจสอบของ สว. น่าจะตรงไปตรงมามากกว่า และยังเสนอยกร่างให้มีกรรมาธิการได้คณะละ 8-18 คน หากมีภาระงานมากก็สามารถเชิญบุคคลภายนอกมาเป็นอนุกรรมาธิการได้ด้วย ในร่างข้อบังคับนี้เปิดให้มีอนุกรรมาธิการได้ไม่เกิน 5 อนุกรรมาธิการต่อ 1 คณะกรรมาธิการสามัญฯ และให้มีอนุกรรมาธิการได้ 12 คน”

 

ส่วนที่หลายคนมองว่าการเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญฯ จะเป็นการเพิ่มงบประมาณด้วยนั้น นพ.เปรมศักดิ์ ชี้ว่า งบประมาณของ สว. เล็กน้อย ทั้งสองสภาใช้งบเพียงเล็กน้อยในการทำงาน เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่ามีความไม่ชอบมาพากลกว่าหรือไม่

 

นพ.เปรมศักดิ์ ยังเน้นย้ำว่า สว. แต่ละคนมีที่มาอย่างไรไม่สำคัญ ที่สำคัญกว่าคือ อีก 5 ปี จะขับเคลื่อนอย่างไรให้เรียกความเชื่อมั่นของประชาชน ขอให้กรรมาธิการปลดล็อกการทำงาน ไม่ควรล็อกไปทั้งหมด ตั้งแต่ล็อกผลการเลือก สว. ระดับประเทศที่เมืองทองธานี ยังมาล็อกเก้าอี้ประธานกรรมาธิการอีก ขอให้สมาชิกคำนึงถึงคำปฏิญาณที่จะทำงานให้ประชาชน ให้วางคนในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ผิดฝาผิดตัว

 

นพ.เปรมศักดิ์ ยังชี้แจงว่า การตรวจสอบของฝ่ายค้านเวลานี้เริ่มอ่อนแรงแล้ว ยิ่งมีประเด็นเรื่องยุบพรรคเข้ามาอีก ขณะที่ สว. ยังมีความกระฉับกระเฉง และการตรวจสอบรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของ สว. ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่า ตนเองเป็น สว. สีขาว ไม่เหมือน สว. คนอื่นที่อาจมองว่าเพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญฯ ขึ้นมาเพื่อแบ่งเก้าอี้กัน

 

ส่วน สว. ชุดที่แล้วซึ่งมีสมาชิกถึง 250 คน แต่ก็มีคณะกรรมาธิการสามัญฯ น้อยกว่า นพ.เปรมศักดิ์ มองว่าคณะกรรมาธิการสามัญฯ ของ สว. ชุดที่แล้วมีจำนวนพอดี หรืออาจน้อยเกินไปด้วยซ้ำ แต่ สว. ชุดปัจจุบันมีที่มาหลากหลาย ควรมีโอกาสได้ทำงานในคณะกรรมาธิการสามัญฯ ที่ตนเองมีความถนัดหรือสนใจ ซึ่งตนเองถือเป็นหัวใจของการทำงานในวุฒิสภา

 

ขณะที่กรณีของ ศ. ดร. พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กลุ่มอิสระ ที่มีประเด็นเรื่องวุฒิการศึกษา จะมีการตั้งกลไกมาตรวจสอบ สว. กันเองหรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาทุกคนรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว ขอให้ถึงเวลาก็อาจมีคนเสนอให้ตรวจสอบ เพราะหากปล่อยประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเอาไว้ สภาก็ไม่อาจเป็นที่เชื่อถือได้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising