×

กรมอนามัยห่วงหญิงตั้งครรภ์ แนวโน้มติดเชื้อโควิดสูงขึ้น เผยผลโพลพบร้อยละ 98 กังวลโอมิครอน

โดย THE STANDARD TEAM
09.03.2022
  • LOADING...
หญิงตั้งครรภ์

วานนี้ (8 มีนาคม) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าวในหัวข้อ ‘หญิงตั้งครรภ์ (ต้อง) ปลอดภัย ในสถานการณ์โควิด-19’ โดยกล่าวว่า จากข้อมูลการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ และทารกแรกเกิด ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 – 5 มีนาคม 2565 พบหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ ติดเชื้อโควิดสะสมจำนวน 7,210 ราย ในจำนวนนี้มีเสียชีวิต 110 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.5 ขณะที่มีทารกแรกเกิดที่คลอดจากหญิงกลุ่มนี้มีจำนวน 4,013 ราย พบทารกแรกเกิดติดเชื้อโควิด 319 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 เสียชีวิต 67 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.6 ซึ่งแนวโน้มการติดเชื้อของกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ มีแนวโน้มที่เริ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับการระบาดระลอกใหม่ของสายพันธุ์โอมิครอน 

 

โดยข้อมูล 4 สัปดาห์ย้อนหลัง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 6-12 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา จะพบการติดเชื้อของหญิงกลุ่มนี้รายสัปดาห์ที่ 59, 71, 157 และ 224 คนตามลำดับ แสดงให้เห็นถึงอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ จึงต้องเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้น เพื่อลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตให้น้อยลง เพราะจากข้อมูลผลการสำรวจอนามัยโพลต่อประเด็นความกังวลของหญิงตั้งครรภ์ในสถานการณ์โควิด พบว่า ภาพรวมร้อยละ 98 มีความกังวลต่อสถานการณ์ โดยมีความรู้สึกกังวลตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไปถึงร้อยละ 70 ซึ่งเรื่องที่ทำให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้รู้สึกกังวลมากที่สุดคือ การระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอน รองลงมาคือ สังคมการ์ดตกในการดูแลป้องกัน และกังวลว่าสถานที่ต่างๆ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด สำหรับในส่วนของการเฝ้าระวังความเสี่ยงตนเองของกลุ่มหญิงตั้งครรภ์

 

​“ทั้งนี้การป้องกันโรคโควิดด้วยการฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ เพื่อสร้างความปลอดภัย ซึ่งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ ที่ติดเชื้อโควิด จำนวน 7,210 ราย พบว่ากว่าร้อยละ 87 ไม่ได้รับวัคซีน แต่หากได้รับวัคซีน 2 เข็ม จะมีอัตราตายที่ลดลงเกือบ 10 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยข้อมูลข้อมูลการฉีดวัคซีนของหญิงตั้งครรภ์ในภาพรวมล่าสุด พบได้รับการฉีดอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว จำนวน 117,385 คน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้เร่งฉีดวัคซีนโควิดเชิงรุกแก่หญิงตั้งครรภ์ ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย โดยการฉีดวัคซีนนั้น หญิงตั้งครรภ์รับการฉีดวัคซีนได้ทุกอายุครรภ์ และสามารถให้พร้อมกับวัคซีนอื่นๆ ที่จำเป็นในขณะตั้งครรภ์ได้ ส่วนหญิงที่มาคลอดและยังไม่เคยได้รับวัคซีน ให้ฉีดวัคซีนโควิดก่อนกลับบ้าน ในกรณีที่ยังไม่สมัครใจฉีด ก็ขอให้ฉีดบุคคลในครอบครัวให้ครบตามเกณฑ์ก่อน” นพ.สุวรรณชัยกล่าว

 

ด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดูแลหญิงตั้งครรภ์ในกรณีติดเชื้อ หากไม่มีโรคประจำตัว หรือภาวะครรภ์เสี่ยงสูง สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ แต่ให้งดเยี่ยมระหว่างแยกกักตัว รักษาระยะห่าง งดการสัมผัสกับผู้สูงอายุและเด็ก แยกห้องพัก ที่นอน ของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ไม่ควรนอนร่วมกันในห้องปิดที่ใช้เครื่องปรับอากาศ และหลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมกัน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อออกจากที่พัก ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่สัมผัสกับผู้อื่น และหยิบจับของ แยกซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู และเครื่องนอนด้วยสบู่หรือผงซักฟอก ควรใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้คนสุดท้าย หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เตรียมถังขยะส่วนตัวที่มีฝาปิดมิดชิด และของใช้ส่วนตัว ทั้งในบริเวณที่นอนและห้องน้ำ

 

​ทั้งนี้ อาการที่ควรเฝ้าระวังในกรณีแยกกักตัวที่บ้าน คือ

 

  1. ท้องแข็งบ่อย เลือดออกทางช่องคลอด น้ำใสๆ ไหลออกทางช่องคลอด
  2. อาการของครรภ์เป็นพิษ เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ 

 

ส่วนกลุ่มอาการที่ควรแจ้งแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที คือ กลุ่มผู้ป่วยสีแดงที่มีอาการรุนแรง ต้องรีบเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว ซึ่งมีอาการดังนี้

 

  1. ระบบหายใจมีปัญหารุนแรง ทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หากเอกซเรย์จะพบปอดอักเสบรุนแรง
  2. เกิดภาวะปอดบวมจากการเปลี่ยนแปลง ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96 เปอร์เซ็นต์ หรือลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ จากค่าที่วัดได้ในตอนแรก
  3. แน่นหน้าอกตลอดเวลา และหายใจเจ็บหน้าอก ตอบสนองช้า หรือไม่รู้สึกตัว
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising