‘เวิลด์แบงก์’ ห่วงประเทศยากจนหนี้ท่วม ขวางเศรษฐกิจฟื้นตัว แนะเร่งหาแผนบริหารจัดการอย่างจริงจัง

เดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก หรือ เวิล์ดแบงก์ ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันว่า ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือปัญหาหนี้สาธารณะในหลายประเทศที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก สวนทางกับรายได้และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดน้อยลงเพราะวิกฤตการระบาดของโควิด ก่อนเตือนให้นานาประเทศ โดยเฉพาะชาติยากจน เตรียมแผนรับมือและจัดการหาทางแก้ไขปัญหาหนี้อย่างจริงจัง

คำแนะนำกึ่งคำเตือนนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานธนาคารโลกออกมาเปิดเผยรายงานที่พบว่า ภาระหนี้ของประเทศยากจนเพิ่มขึ้นถึง 12% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 860,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 โดยหนี้ทั้งหมดมาจากความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลจากวิกฤตโควิด และยิ่งรัฐบาลประเทศยากจนพยายามเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจมากเท่าไร ตัวเลขระดับหนี้ของประเทศก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนในอัตราที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

มัลพาสส์ได้ให้คำแนะนำให้รัฐบาลของชาติยากจนและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่ำ มองหาแนวทางในการจัดการปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ ภายใต้ความร่วมมือจากประเทศร่ำรวย หรือประเทศที่เป็นเจ้าหนี้อย่างจริงจัง โดยกล่าวอย่างชัดเจนว่าประเทศยากจน ภายใต้ความร่วมมือจากประเทศเจ้าหนี้ ต้องวางแนวทางปรับลดระดับหนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการลดระดับความยากจนภายในประเทศ

ขณะเดียวกันแม้ว่ากลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 20 ประเทศ (G20) จะตระหนักถึงปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้น เห็นได้จากการออกโครงการ Debt Service Suspension Initiative (DSSI) ในช่วงต้นปีที่แล้ว เพื่อเปิดทางให้นานาประเทศสามารถเลื่อนหรือผ่อนผันการชำระหนี้ออกไปชั่วคราว ซึ่งประธานธนาคารโลกระบุชัดว่า ลำพังแค่ DSSI ไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์หนี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

ทั้งนี้ในมุมมองของประธานธนาคารโลก นานาประเทศจำเป็นต้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางเพื่อนำมาใช้จัดการหนี้หลังจากวันที่ 1 มกราคม 2022 เป็นต้นไป และหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ควรได้รับการร่วมพิจารณาเพื่อต่อกรกับปัญหานี้ในครั้งนี้ด้วยคือการพักชำระหนี้ชั่วคราว

ความเห็นของมัลพาสส์ครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่นานก่อนที่ธนาคารโลกจะเข้าร่วมการประชุมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในช่วงสัปดาห์นี้ ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นการประชุมที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายได้พบปะหน้ากันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019

รายงานของธนาคารโลกพบว่า นอกจากระดับหนี้ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางและยากจนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แล้ว รายได้ของประเทศเหล่านี้ที่ส่วนใหญ่พึ่งพาการท่องเที่ยวและการส่งออกไม่กระเตื้องขึ้นตามไปด้วย

มัลพาสส์กล่าวว่า ความเสี่ยงในเวลานี้ก็คือการที่หลายประเทศจะหลุดพ้นจากวิกฤตโควิดด้วยหนี้ก้อนโตที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะจัดการให้เสร็จสิ้น ดังนั้นนานาประเทศจึงต้องการแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการลดหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ให้รวดเร็วขึ้น และมีความโปร่งใสมากขึ้น

อ้างอิง: