หมกมุ่นเรื่องเพศ ใช้แอปฯ นัดเดต สะสมคลิปโป๊ อย่างนี้เข้าข่าย ติดเซ็กซ์ ไหม

เซ็กซ์คือกิจกรรมพื้นฐานของมนุษย์ที่นอกจากจะตอบสนองความต้องการตามธรรมชาติ ยังตอบสนองความต้องการส่วนตัวในจิตใจ ปัจจุบันสังคมบางส่วนยอมรับเซ็กซ์ในแง่มุมนี้มากขึ้น จากเมื่อก่อนที่เคยตีกรอบไว้เพียงว่าจะต้องเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นกับคู่ชีวิตเท่านั้น ต้องเกิดขึ้นหลังการแต่งงานเท่านั้น แถมบางความเชื่อยังบอกว่าควรต้องเป็นไปเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์เท่านั้นอีกต่างหาก ยิ่งทุกวันนี้มีเทคโนโลยีอย่างการแชตและแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คนที่มีความต้องการตรงกันมีเซ็กซ์กันได้สะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อน จนทำให้คนบางกลุ่มมองว่าความ ‘ง่าย’ นี้จะนำพาไปสู่การ ‘ติด’ และถอนตัวไม่ขึ้นในที่สุด

R U OK พอดแคสต์ เอพิโสดนี้ ปอนด์ ยาคอปเซ่น และ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักจิตบำบัดด้วยการเคลื่อนไหว ไม่ได้มาฟันธงว่าการมีเซ็กซ์ที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมควรเป็นอย่างไร แต่จะชวนทุกคนมาร่วมสำรวจตัวเองว่ามีอาการอะไรที่บ่งชี้ว่าติดเซ็กซ์บ้างไหม สื่อและเทคโนโลยีทำให้ความง่ายของการมีเซ็กซ์นำไปสู่การติดจริงหรือไม่ ระดับไหนถึงควรหาหมอ รวมถึงคนในครอบครัวจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างไรถ้ามีคนที่บ้านติดเซ็กซ์ขึ้นมาจริงๆ

ในทางจิตวิทยา เซ็กซ์หมายความถึงแค่ไหน

คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเซ็กซ์หมายถึงร่วมเพศเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับทางจิตวิทยาแล้ว เซ็กซ์ครอบคลุมถึงความคิดและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทางเพศทั้งหมด ตัวอย่างเช่น บางคนที่กำลังนั่งเรียนหรือนั่งทำงาน แล้วมองไปที่เจ้านายที่นั่งอยู่ในห้อง หรือมองครูที่อยู่หน้าชั้นแล้วจินตนาการเซ็กซี่ขึ้นมาต่างๆ นี่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในความหมายของเซ็กซ์ทางจิตวิทยาได้เหมือนกัน

คน ติดเซ็กซ์ มีอาการอย่างไร

1. เริ่มเพิ่มเซ็กซ์เข้าเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน โดยรู้สึกว่าถ้าไม่ได้มีเซ็กซ์จะไม่สามารถจบวันได้อย่างสมบูรณ์ หรือบางคนอาจถึงกับนอนไม่หลับถ้าไม่ได้สำเร็จความใคร่

2. เริ่มให้รางวัลตัวเองด้วยการมีเซ็กซ์ เช่น เที่ยวอาบอบนวด ใช้บริการทางเพศ

3. เริ่มใช้เซ็กซ์นอกเหนือจุดประสงค์ในการตอบสนองอารมณ์ของตัวเอง แต่เริ่มใช้เซ็กซ์เป็นเครื่องมือระบายความเครียดประจำวัน เมื่อไม่ได้ทำจะรู้สึกว่าไม่หายเครียด

4. เริ่มรู้สึกว่าอารณ์ทางเพศที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจนั้นเป็นความรู้สึกที่ต้านทานไม่ได้

บางคนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ มีแรงขับบางอย่างที่ทำให้ต้องทำเดี๋ยวนั้น และทำถี่ขึ้น

ไม่ต่างจากคนติดยาที่รู้ว่ายาเสพติดไม่ดี แต่ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เสพยาได้ แถมยังต้องการในปริมาณที่มากขึ้นเรื่อยๆ

5. รู้สึกผิดและอาย รู้ว่าไม่ควรทำ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอีกแล้ว จะทำครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แต่มารู้ตัวอีกทีก็ทำอีก หงุดหงิดที่ห้ามตัวเองไม่ได้ บางครั้งรู้สึกแย่และไม่ภูมิใจ เช่น ในกรณีที่สามีเป็นคนติดเซ็กซ์ อยากมีเซ็กซ์ทุกวันตลอดเวลา แต่ภรรยาเหนื่อย ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสามีได้ทุกครั้ง ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ขึ้น

การที่คนคนหนึ่งจะมีอาการ ติดเซ็กซ์ (รวมถึงการเสพติดอื่นๆ) จะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างในอดีตที่ส่งผลกระทบจนภายในใจเกิดความแหว่งวิ่นและต้องการอย่างอื่นที่จับต้องได้มาทดแทน ในกรณีที่ก่อนแต่งงานไม่ได้ติดเซ็กซ์ แต่เพิ่งมาเป็นหลังแต่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าคู่สมรสเป็นสาเหตุ แต่มันอาจเกิดจากปัญหาในอดีตหรือตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่สะสมเป็นปมมากมายโดยไม่รู้ตัว แล้วพฤติกรรมเกิดระเบิดขึ้นหลังแต่งงาน อย่างนี้ก็เป็นได้

ทำแบบนี้เรียกว่า ติดเซ็กซ์ ไหม แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าติด

1. แชตออนไลน์หรือใช้แอปพลิเคชันเพื่อหาคู่นอน

บางคนมองเรื่องเซ็กซ์ว่าเป็นแค่กิจกรรมอย่างหนึ่ง เลยใช้แชตหรือใช้แอปพลิเคชันพูดคุยและนัดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หลายคนอาจรู้สึกว่านี่คือการติดเซ็กซ์ แต่ที่จริงแล้วคนเหล่านี้เขาก็แค่รู้ความต้องการของตัวเอง แล้วสามารถหาคนที่มีความต้องการตรงกันมาร่วมทำกิจกรรมที่ทั้งสองฝ่ายพอใจโดยไม่มีใครรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ ถ้าทำแล้วมีความสุขและยังสามารถดำเนินชีวิตต่อได้โดยปกติ จัดการเรื่องความต้องการกับเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันได้ก็ไม่ใช่ปัญหา

แต่ถ้าหากว่าหลังจากเสร็จกิจกรรมก็ร้องไห้ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป คร่ำครวญว่าไม่น่าทำอย่างนี้เลย แต่ถัดไปเพียงไม่กี่วันก็ทำแบบเดิมอีก อย่างนี้เริ่มมีโอกาสที่จะเรียกว่าติดเซ็กซ์แล้ว

2. มีหนังสือโป๊หรือคลิปโป๊เยอะมาก

คำถามที่หลายคนอาจสงสัยคือ ถ้ามีหนังสือโป๊ หรือดาวน์โหลดคลิปโป๊เก็บไว้ดูเยอะมาก อย่างนี้เรียกว่าติดเซ็กซ์ไหม เพราะไม่ได้เกิดการร่วมเพศกันจริงๆ คำตอบคือ ในทางจิตวิทยาแล้วการติดเซ็กซ์มีหลายรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะการร่วมเพศ แต่การช่วยตัวเองอย่างหมกมุ่นและไม่สามารถห้ามใจได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การชอบโชว์ (Exhibitionism) หรือการแอบดู (Voyeurism) ตราบใดที่เป็นความรู้สึกที่ห้ามตัวเองไม่ได้ก็ถือว่าเป็นการติดเซ็กซ์อย่างหนึ่ง

3. พูดสองแง่สองง่ามหรือวนไปเรื่องใต้สะดือตลอด

โดยเฉพาะเวลาเพื่อนผู้ชายอยู่ด้วยกันเยอะๆ จะพูดทะลึ่ง หยาบโลน หรือเล่นมุกเรื่องใต้สะดือตลอดเวลา อย่างนี้ไม่ถือว่าติดเซ็กซ์ เพราะเขาอาจแค่หยอกล้อกันด้วยความสนิทสนม หรือแค่เลือกบุคลิกให้ตัวเองแล้วว่าอยากเป็นคนพูดจาแบบนี้ ในแง่หนึ่งอาจเกี่ยวกับการเข้าสังคม เพราะเข้าใจว่าทำแบบนี้แล้วเป็นที่สนใจ เพื่อนผู้หญิงจะกรี๊ดกร๊าด เพื่อนผู้ชายก็ถูกใจเท่านั้นเอง

4. เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เพราะต้องการความแปลกใหม่

ลองถามตัวเองดูว่า ถ้าให้หยุด หยุดได้ไหม ห้ามตัวเองได้หรือเปล่า หรือตกเป็นทาสของความอยากนั้นไปแล้ว หิวความแปลกใหม่หรือความท้าทายไปอย่างสมบูรณ์ เช่น ทุกครั้งที่ออกจากบ้านไปเที่ยว ในใจลึกๆ คือรู้สึกว่าคืนนี้ต้องได้ลงเอยกับใครสักคน อย่างนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกว่าติดเซ็กซ์ได้ คนที่มีพฤติกรรมแบบนี้เขาจะทรมานที่ห้ามตัวเองไม่ได้ และลึกๆ แล้วอยากจัดการตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ถ้าเช่นนั้นควรรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

5. มีเซ็กซ์โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ หรือมีเซ็กซ์พิสดาร

หลายปีก่อนเราอาจเคยได้ยินข่าวนักแสดงฮอลลีวูดคนหนึ่งมาเสียชีวิตที่ประเทศไทยด้วยการรัดคอตัวเองระหว่างการสำเร็จความใคร่ อย่างที่เรียกว่า Autoerotic asphyxiation ที่สร้างความสุขสุดยอดจากการขาดอากาศหายใจ พฤติกรรมลักษณะนี้มีเส้นบางมากๆ คั่นอยู่ระหว่างการติดเซ็กซ์และรสนิยม รสนิยมคือความชอบเฉพาะบุคคล แต่ถ้าเข้าขั้นติดเซ็กซ์ เขาจะ ‘ไม่มีไม่ได้’ และไม่สามารถยืดหยุ่นใดๆ ได้

ส่วนอุปกรณ์เสริมที่หลายคนนำมาใช้ระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อให้ถึงจุดสุดยอดมากขึ้นนั้นก็เป็นเพียงรสนิยม ไม่ใช่อาการติดเซ็กซ์ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเปิดเผยเรื่องเพศ เห็นเป็นเรื่องธรรมดาจนเบื่อ เมื่อจะมีเซ็กซ์จึงต้องหาอุปกรณ์เสริมให้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นจะไม่เกิดอารมณ์ บางโรงแรมในประเทศญี่ปุ่นมีเซ็กซ์ทอยขายอยู่ในห้องพักด้วยซ้ำ ถึงจะเป็นเรื่องแปลกในสายตาคนบ้านเรา แต่วัฒนธรรมดังกล่าวส่งผลในแง่ดีให้อัตราการข่มขืนที่ประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างน้อย เป็นเพราะเปิดเผยเรื่องเพศจนเป็นเรื่องธรรมชาติ

6. สวิงกิ้ง เที่ยวอาบอบนวด

พฤติกรรมแบบนี้ไม่อาจตัดสินได้ว่าใครมีอาการติดเซ็กซ์หรือไม่ ต้องย้อนกลับมาที่คำถามสำคัญ เขาห้ามตัวเองได้หรือเปล่า ถ้าหยุดไม่ได้ แถมเมื่อทำเสร็จจะรู้สึกผิดและอาย ก็อาจเข้าข่าย

จะทำอย่างไรดีเมื่อรู้ว่าคนข้างๆ ติดเซ็กซ์

1. เปลี่ยนทัศนคติจากโกรธหรือสงสารเป็นเห็นใจว่าเขาจะไปต่ออย่างไร และจะรับมือกับอาการนี้ไหวไหม เพราะอย่างที่ได้ย้ำไปแล้วหลายครั้ง นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เราไม่ควรกดให้เขาต่ำลงด้วยการตัดสินพฤติกรรมของเขา เพราะตัวผู้ป่วยเองก็รู้สึกแย่มากพออยู่แล้ว

2. เข้าใจและไม่ตัดสิน โดยอาจจะออกปากว่าถ้าอยากรักษาและผ่านพ้นมันไปให้ได้ เราจะอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อน บอกเขาว่าเรารู้ว่ามันทรมาน รู้ว่ามันทำให้ชีวิตแย่

คนที่เป็นโรคนี้อาจไม่ได้ต้องการตัวช่วยแก้ปัญหาในทันที แต่เขาแค่อยากได้ใครสักคนที่ไว้ใจมารับรู้ว่าการติดเซ็กซ์เป็นอาการที่ซับซ้อนและทรมานแค่ไหน ทั้งรู้สึกแย่กับตัวเอง จะบอกใครก็ไม่ได้ เพราะกลัวถูกประณามและดูแคลน

คนที่เป็นพ่อแม่อาจจะอายถ้ารู้ว่าลูกเป็นแบบนี้ อยากให้เข้าใจว่าผู้ป่วยเองก็รู้สึกอายที่ตัวเองเป็นแบบนั้นไม่ต่างกัน

นอกจากนั้น หากลูกมาปรึกษา ควรให้รู้แค่ไม่กี่คนในครอบครัว แล้วค่อยพาไปหาผู้เชี่ยวชาญในที่ที่มีความเป็นส่วนตัว ไม่ควรเอาเรื่องในบ้านไปแชร์กับใคร เช่น บางครอบครัวพ่อแม่อาจจะรู้สึกว่าตัวเองคุยกับญาติได้ทุกเรื่องก็เล่าไปหมด อย่างนี้ยิ่งทำให้ผู้ป่วยกังวลและอายขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นระลึกไว้เสมอว่าถ้ามีคนมาปรึกษาและถ้าอยากช่วยเขาจริงๆ ให้เก็บเป็นความลับ

ส่วนคู่สามีภรรยาที่พบว่าใครคนหนึ่งมีอาการติดเซ็กซ์ หรือระหว่างร่วมเพศกันจะกระทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นเพียงวัตถุทางเพศ สิ่งที่สำคัญคือควรสื่อสารกันตรงๆ เพราะถ้ามัวแต่อาย ไม่กล้าพูด ก็ต้องยอมทนอยู่ในความสัมพันธ์นี้ต่อไปทั้งที่ทุกข์ใจมาก

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ที่บางคนยอมทนให้อีกฝ่ายกระทำทุกวัน เพราะเข้าใจไปว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วควรต้องยอม แต่จริงๆ แล้วเรามีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะนำพาไปสู่เหตุการณ์สามีข่มขืนภรรยาได้ในที่สุด ทางออกที่ดีที่สุดคือสื่อสารกันให้เข้าใจ และพาไปหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา

ฟังรายการ R U OK พอดแคสต์ โดยแอปฯ Podcasts (สำหรับผู้ใช้ iOS), Podbean และแอปฯ ประเภท Podcast Player ยี่ห้อใดก็ได้ (สำหรับผู้ใช้ Android) หรือฟังทาง SoundCloud และ YouTube ก็ได้เช่นกัน