×

“ผมไม่เห็นด้วยกับการแถลงแผนก้าวไกลปี 67” ปิยบุตรชี้ส่งสัญญาณหมอบ ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี ม.112

โดย THE STANDARD TEAM
27.01.2024
  • LOADING...

วานนี้ (26 มกราคม) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียลมีเดียระบุถึงการแถลงข่าวของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงแผนการทำงานพรรคก้าวไกล ปี 2567 และให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรา 112 

 

ปิยบุตรระบุว่า “ผมมีส่วนร่วมในการตั้งพรรคอนาคตใหม่มา ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมา ยืนยันว่าการเมืองต้องผสมผสานอุดมคติของเรากับสภาพความเป็นจริงทางการเมือง มีรุก มีถอย ตามการประเมินสถานการณ์ ผมเองก็เคยถอยมาหลายครั้งเพื่อองค์กร เพื่อการเดินหน้าตามสถานการณ์ เรื่องพรรค์นี้คือการประเมิน ไม่มีอะไรถูกร้อย ไม่มีอะไรผิดร้อย ดังนั้นการวิจารณ์จังหวะก้าวของพรรคการเมืองจึงอาจมีผู้เห็นด้วย มีผู้เห็นต่าง คนทำพรรคอาจไม่เห็นด้วยกับข้อวิจารณ์ นับเป็นเรื่องปกติ” 

 

ไม่เห็นด้วยพิธาแถลงแผนก้าวไกลปี 2567

 

“ผมไม่เห็นด้วยกับการแถลงการณ์แผนการพรรคก้าวไกลในปี 2567 ผมเข้าใจดีว่าทีมงานของพรรคต้องการจัดแถลงการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อต้อนรับการกลับมาของพิธา แต่เมื่อผมเห็นเนื้อหาทั้งหมดแล้วผมเห็นว่าผิดพลาด โดยเฉพาะแผนเสนอร่าง พ.ร.บ. 47 ฉบับ โดยไม่มีร่างแก้ไขมาตรา 112 พรรคอาจไม่ได้คิดว่าต้องพูดเรื่องนี้ แต่สื่อเขาคิดและสื่อถามจี้ขยายผลว่า สรุปร่าง พ.ร.บ. 47 ฉบับในปี 2567 ไม่มีแก้มาตรา 112 ใช่หรือไม่” 

 

ชี้ควรรอความเห็นศาลรัฐธรรมนูญ

 

ปิยบุตรกล่าวว่า กรณีนี้ส่งผล 3 ทางคือ 

 

  1. ย้ำความคิดว่าเราต้องยอมรับให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาอยู่เหนือฝ่ายนิติบัญญัติ การเสนอร่างกฎหมายต้องฟังว่าศาลรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร? 

 

  1. การไม่เสนอและพูดว่าไม่เสนอ เพราะรอศาลรัฐธรรมนูญเสมือนกับส่งสัญญาณหมอบ ก่อนคำวินิจฉัยในวันที่ 31 มกราคมนี้

 

  1. หากพรรคก้าวไกลคิดแบบเฉลียวเจ้าเล่ห์ก็ไม่มีความจำเป็นต้องแถลงในวันนี้เลย อดใจรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 31 มกราคมนี้ก่อนก็ได้ เผื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะหา ‘ทางลง’ ให้พรรคก้าวไกลด้วยการตีกรอบการแก้มาตรา 112 ไว้ และต่อไปพรรคก้าวไกลก็พูดตอบประชาชนโหวตเตอร์ได้ว่าแก้มาตรา 112 ไม่ได้ เพราะแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญบอกไว้

 

หวังก้าวไกลวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญบ้าง

 

ปิยบุตรระบุอีกว่า “ผมไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดว่าจะต้องแก้มาตรา 112 ให้ได้ จะต้องทำเรื่องนี้อย่างเดียวโดยไม่ต้องทำเรื่องอื่น ผมตระหนักดีถึงการ ‘รุก รอ ถอย’ แต่ผมเห็นว่าการเคลื่อนไหวตลอดสัปดาห์นี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคมที่ศาลจะตัดสิน ที่ทำๆ กันนั้นไม่ได้คิดประเมิน รุก ถอย บริหารจัดการความคาดหวังคนเลือก แต่มุ่งไปในทิศทาง ‘หมอบ’ เสียมากกว่า ด้วยคิดว่าจะช่วยทำให้รักษาพรรคได้

 

“แล้วพอเป็นแบบนี้ก็เข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่เขารอเอาคืนจากการที่พวกเขาถูกหาว่าตระบัดสัตย์ ผมคาดเดาไว้แล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแบบใด ผมได้แต่หวังว่าคณะผู้นำพรรคก้าวไกลทั้งหมดจะประเมินเรื่องทั้งหมดให้รอบด้าน โดยมิได้ตั้งเป้ารักษาพรรคและกรรมการบริหารพรรคจนถึงขนาดต้องแลกกับทุกอย่าง ผมคาดหวังว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแล้วจะได้ยินเสียงการวิจารณ์จากพรรคก้าวไกลบ้าง” 

 

ปิยบุตรย้ำด้วยว่า หากพรรคก้าวไกลไม่วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเลย ตนจะออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกลเป็นคนแรกๆ แน่นอน ทั้งนี้จะวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญตามปกติครรลองของกระบวนวิชาการตามที่ฝึกฝนมา

 

“ดักคอกองเชียร์พรรคก้าวไกลไว้ก่อนที่จะมาด่าว่าทำไมผมไม่ไปบอกก่อน ไม่คุยภายใน ผมไม่รู้เรื่องที่พวกเขาทำกัน ผมเป็นคนนอก รู้เรื่องก็จากการอ่านข่าว รู้พร้อมๆ กับประชาชนคนทั่วไปที่ดูจากสื่อนั่นแหละ ถ้าหากคณะแกนนำคิดว่าต้อง ‘หมอบ’ ตอนนี้เพื่อรักษาพรรค แบบนี้ ‘หมอบ’ ตั้งแต่เจรจาตั้งรัฐบาลไม่ดีกว่าหรือ” ปิยบุตรระบุ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising