วันนี้ (16 พฤศจิกายน) ที่จังหวัดอุดรธานี แกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่จะเลือกตั้งในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งพรรคประชาชนส่ง คณิศร ขุริรัง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.อุดรธานี โดยเปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านผือในช่วงเช้า อำเภอหนองหานในช่วงบ่าย และอำเภอเมืองอุดรธานีในช่วงค่ำ
อภิชาติ ศิริสุนทร อดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียง กล่าวว่านักการเมืองต้องมีสัจจะ พูดคำไหนคำนั้น ให้สัญญาผ่านนโยบายกับประชาชนก็ต้องทำ ตอนที่ตนเป็น สส. นโยบายที่อดีตพรรคก้าวไกลเคยหาเสียง แม้เราไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่เอานโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนไปเดินต่อ ใช้กลไกในสภาผู้แทนราษฎร เช่น กรรมาธิการ ตนในฐานะอดีตประธาน กมธ.ที่ดิน รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ไม่เคยพูดว่าตัวเองไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วจะแก้ปัญหาไม่ได้
เราเคยหาเสียงว่าจะปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ อดีตพรรคก้าวไกลก็ร่างกฎหมายเพื่อยกระดับสิทธิของประชาชน ประชาชนมีปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก. เราก็เสนอกฎหมายยกระดับให้เป็นโฉนด ปรากฏว่าถูกตีความเป็นกฎหมายการเงิน ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรี แล้ว เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ในเวลานั้นก็ตอบกลับเป็นหนังสือว่าหน่วยงานราชการไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกับพี่น้องที่อยู่ในเขตป่าและอุทยานถูกจำกัดสิทธิและไล่ออกจากพื้นที่ทำกิน ตนก็ใช้กลไก กมธ.ที่ดิน เพื่อชะลอปัญหาให้หน่วยงานมาชี้แจงจนปัญหาทุเลาลงหลายพื้นที่ แต่ล่าสุดรัฐบาลกลับออกพระราชกฤษฎีกากีดกันพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ป่า
ดังนั้นไม่ต้องกังวล พรรคประชาชนพูดอย่างไรทำอย่างนั้น ตรงไปตรงมา พี่น้องไม่ต้องกลัวว่าได้ตำแหน่งแล้วจะไม่ทำ คณิศรก็เช่นเดียวกัน เขาจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ถ้าเขาไม่ทำรอบหน้าก็ไม่ต้องเลือกเขาอีก
พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียง กล่าวถึงนโยบายน้ำประปาดื่มได้ โดยระบุว่าแม้ฝ่ายตรงข้ามจะพยายามโจมตีว่าเป็นไปไม่ได้ แต่คณะก้าวหน้าก็พิสูจน์มาแล้วว่าทำได้ โดยทำสำเร็จมาแล้วที่ตำบลอาจสามารถ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นที่แรกตั้งแต่ปี 2564 มาจนถึงวันนี้ได้รับการรับรองโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และต่อมาก็ทำสำเร็จที่ตำบลโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์, ตำบลหนองแคน อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร, ตำบลดอนงัว อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม และตำบลนาบัว อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี และกำลังจะทำสำเร็จอีก 2 แห่งในปีหน้า
ดังนั้นที่มีการดูถูกว่าทำได้ไม่กี่แห่งนั้นจึงไม่จริง และต้องไม่ลืมว่าคณะก้าวหน้าชนะเทศบาลและ อบต. ไม่ถึง 50 ที่จากพันกว่าแห่งทั่วประเทศ และที่บอกว่าทำไม่ได้จริงและต้องใช้งบประมาณเยอะนั้นก็เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง อย่างที่ตำบลนาบัวใช้งบประมาณเพียง 2 แสนบาทเท่านั้นในการทำน้ำประปาให้ทั้งตำบลดื่มได้ ถ้าครั้งนี้พรรคประชาชนได้เป็น อบจ. นโยบายของคณิศรคือน้ำประปาใสดื่มได้ทั้งจังหวัด อบจ. จะให้งบประมาณสนับสนุนงบแก่ 179 องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลทั้งอุดรธานี สามารถทำให้น้ำประปาดื่มได้ทั้งจังหวัดภายใน 1 ปีแน่นอน
ขณะที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียง ระบุว่าที่ผ่านมามีการพูดถึงว่าที่ตนกลับมาจากอเมริกาเพราะกลัวแพ้ แต่สำหรับนักการเมืองแบบตนนั้นไม่มีกลัวแพ้ เพราะแพ้มาเยอะแล้ว แต่ชนะมาก็แยะเหมือนกัน อย่างการเลือกตั้งที่อุดรธานี ปี 2562 อนาคตใหม่ได้ 1.4 แสนคะแนน เลือกตั้ง อบจ.อุดรธานี ปี 2563 ได้ 1.8 แสนคะแนน เลือกตั้งปี 2566 ได้มา 2.2 แสนคะแนน นี่คือการพัฒนา
ดังนั้นสำหรับพรรคประชาชนการลงแข่งเลือกตั้งมีแต่ชนะกับพัฒนา ไม่มีคำว่าแพ้ ตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 เราก็แพ้ที่อุดรธานี เขต 1 แต่ก็ไม่กี่คะแนน ต่อมาเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลก็ชนะได้ สส. เขต 1 อุดรธานี เราถึงไม่กลัวแพ้ การเมืองในระบอบประชาธิปไตยย่อมมีแพ้มีชนะ คนชนะกลับมาแพ้ คนแพ้ก็กลับมาชนะได้ ไม่มีใครกลัวทั้งนั้น การทำงานแบบพรรคประชาชนคือการทำงานระยะยาว คู่แข่งอาจดูการเลือกตั้งต่อการเลือกตั้ง แต่พรรคประชาชนดูไปถึง 3 การเลือกตั้งข้างหน้า การเมืองแบบพวกเราคือแข่งกับตัวเองทุกวันและการต่อสู้อย่างเต็มที่ไม่ท้อแท้ถดถอย
พิธายังกล่าวต่อไปว่าที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย หาเสียงเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายค้าน อบจ. คนเก่าเป็นมา 12 ปีเพิ่งมาบอกว่าจะทำน้ำประปาสะอาด แปลว่า 12 ปีที่ผ่านมาไม่สะอาดใช่หรือไม่ บอกว่าจะจัดการปัญหายาเสพติด แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหาเจ้าพ่อยาเสพติด ทุนจีนสีเทา เมื่อปีก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตั๋วตำรวจเพื่อไทย ตราบใดที่ยังมียาเสพติดจากต่างประเทศแล้วยังมีตั๋วตำรวจ ยาเสพติดก็แก้ไม่ได้ เป็นรัฐบาลมา 14 เดือนราคายาบ้ายังเหมือนเดิม ตั๋วตำรวจยังมีหรือไม่ ขอให้ตอบให้กระจ่างด้วย
พิธากล่าวต่อไปว่ามีคนกล่าวว่าอุดรธานีเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง แต่สำหรับตนแล้วคนอุดรธานีไม่มีเจ้าของ อุดรธานีเป็นเมืองหลวงของประชาธิปไตยซึ่งมีหลายเฉด บางคนเลือกพรรคเพื่อไทย บางคนเลือกพรรคก้าวไกล บางคนก็เลือกพรรคไทยสร้างไทย ดังนั้นแม้การแข่งขันครั้งนี้เรามั่นใจแต่ก็ไม่ประมาท เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เหมือนการเลือกตั้งระดับชาติ ประชาชนอยู่ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกลับมาลงคะแนนไม่ได้ แต่ตนก็ขอให้ทุกคนออกมาเลือกตั้งกันให้มากที่สุด และขอสื่อสารไปถึงชาวอุดรธานีที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ ขอให้ช่วยพรรคประชาชนบอกกลับมาที่ครอบครัว ถ้าอยากให้คนอุดรธานีมีงานทำ มีสาธารณสุขที่ดี มีการคมนาคมที่ดี จะได้กลับมาบ้านเสียที ส่งข้อความกลับมาให้ครอบครัวที่อุดรธานีให้ไปเลือกตั้งเยอะๆ
ขณะที่ ชัยธวัช ตุลาธน คณะกรรมการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียง ขึ้นเวทีปราศรัยว่าทักษิณลงมาหาเสียงกับพี่น้องอุดรธานี ให้เกียรติพวกเรา พูดถึงพวกเราหลายเรื่อง ตนก็อยากจะพูดถึงบ้าง แต่เอาเป็นบางเรื่องพอ เพราะถ้าพูดทุกเรื่องเดี๋ยวคืนนี้ไม่จบ เขาฝากบอกพี่น้องให้บอกพรรคประชาชนว่าไม่ต้องแข่งกันเสนอกฎหมายเยอะๆ หรอก ไปยกเลิกกฎหมายเก่าที่สร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนก่อน อันนี้ตนก็ต้องพูดกับคนอุดรธานี เดี๋ยวจะเข้าใจผิด กฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญ จะยกเลิกกฎหมายเก่าที่มีปัญหาหรือการแก้ไขกฎหมายเก่าที่มีปัญหาก็ต้องออกกฎหมายใหม่มายกเลิก เรื่องแบบนี้ยังพูดบิดไปมา
ดังนั้นแข่งกันออกกฎหมายใหม่ดีแล้ว ออกกฎหมายใหม่เพื่อยกเลิกกฎหมายเก่าที่มีปัญหา และออกกฎหมายใหม่ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่ สส. ต้องทำ ไม่เช่นนั้นพี่น้องประชาชนจะเลือก สส. ไปทำไม ไปนั่งง่อยๆ เหมือน สส. ฝั่งรัฐบาลในสภาหรือครับ เลือกเข้าไปก็ต้องไปแก้ไขกฎหมาย เพราะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ และถ้าจริงใจอยากแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนจริงๆ ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่มาโจมตีกันแบบนี้ ไร้สาระที่สุด
ชัยธวัชกล่าวว่าไม่ควรนำประเด็นพวกนี้มาโจมตีกัน ควรเอาผลประโยชน์ของพี่น้องมาพูดกัน อย่ามาพูดเฉี่ยวไปมาสร้างความเข้าใจผิด มันไม่สร้างสรรค์ มีหลายเรื่องทักษิณบอกว่าถ้านึกชื่อเบอร์ 2 ไม่ออกให้นึกถึงหน้าทักษิณก็ได้ ตนเลยเลิกนึกถึงหน้าทักษิณไม่ได้เลย ทักษิณมาหาเสียงว่าต้องแก้ปัญหาการผูกขาด ลดต้นทุนการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน ตนถามว่ารัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยทำอะไรบ้างกับการผูกขาดค่าไฟฟ้าที่ทำให้ค่าไฟแพง ทำไมยังสืบต่อการให้สัมปทานที่เอื้อประโยชน์กับทุนใหญ่เพียงคนเดียว นี่ไงลดต้นทุน ทำไมไม่ทำ เกรงใจใคร
ชัยธวัชกล่าวต่อว่าพยายามโจมตีกันเป็นเด็กอ่อน เด็กใหม่ไม่มีประสบการณ์ ขอย้ำว่าตนยอมรับว่าเป็นเด็กหน้าใหม่ เป็นพรรคการเมืองใหม่จริงๆ แต่ก็ไม่ใหม่มาก ชนะการเลือกตั้งแล้ว แต่เขาไม่ยอมให้เป็นนายกฯ ก่อนจะย้อนถามว่าทำไมต้องมีพรรคการเมืองใหม่ การเมืองแบบใหม่ เพราะนักการเมืองแบบเก่าไม่ตอบโจทย์พี่น้อง เมื่อมีของใหม่ ความมุ่งมั่นเปลี่ยนการเมืองตั้งแต่ท้องถิ่นไปถึงระดับชาติโดยเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง จะมาบอกว่าไม่มีประสบการณ์ ถ้าอยากรู้ว่ามีประสบการณ์หรือมีประสบการณ์อย่างไรลองเลือกดู แล้วพี่น้องจะไม่ผิดหวัง