ถึง ‘ภูเก็ต’ จะเป็นหนึ่งในเมืองที่ปราบเซียนชนิดที่ใครว่าแน่ก็ต้องล้มหายไปหลายรายแล้ว แต่สำหรับ ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ หรือ CPN การตัดสินใจเปิด ‘โซนฟลอเรสต้า’ เมื่อ 6 ปีก่อนเพื่อขายสินค้าหรูโดยเฉพาะ ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่ไม่น้อย
โดยข้อมูลจาก The 1 พบว่า Spending per Visit ของ The 1 Member สูงกว่าศูนย์อื่น 5 เท่า และ Spending per Visit ของ The 1 Exclusive สูงกว่าศูนย์อื่น 6 เท่า ที่สำคัญยอดการซื้อสินค้าหรูเฉลี่ยมากขึ้น 3 แสนบาทต่อบิล แต่หากเป็นการซื้อต่อบิลมากที่สุดตัวเลขแตะที่ระดับ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจคือพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป จากที่เน้นซื้อกระเป๋าและรองเท้า ตอนนี้หันมาซื้อเสื้อผ้ารวมถึงเครื่องประดับมากขึ้น เพราะชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่มองว่า สินค้าหรูนอกจากจะสามารถใช้ได้นานแล้วยังสามารถขายต่อได้ ทำให้นี่ไม่ใช่การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย แต่ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- CPN เตรียมยก ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า’ ให้เทียบชั้นเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เตรียมขยายพื้นที่ Luxury Brand เพิ่ม 4 เท่าภายใน 2 ปี
- CPN เปิดตัว ‘เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต’ แม็กเน็ตใหม่ ตั้งใจดึงนักท่องเที่ยว-ชาวพัทยากำลังซื้อสูง
- ส่อง GDP ภูเก็ตมาแรง คาดปีนี้โตเฉียด 20% ได้แรงหนุนรายได้ภาคการท่องเที่ยวกระฉูดแตะ 5 แสนล้านบาท
คาดว่าตลาดสินค้าหรูในไทยจะมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 แสนล้านบาท และจะโตขึ้นอีก 6.15% ต่อปี จนถึงปี 2571 ซึ่งสูงกว่าตลาดในสิงคโปร์
และแม้ว่าตลาดสินค้าหรูทั่วโลกชะลอตัวแต่ไทยกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่ง วัดได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ ที่ทาร์เก็ตในไทยโตถึง 214% ในครึ่งปีแรกของปี 2567 สูงที่สุดในเอเชีย ซึ่งแบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ KOL ไทยในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ สะท้อนอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตอนนี้ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าหรูไม่ได้มาจากนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นคนท้องถิ่นที่จับจ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการซื้อในภูเก็ตเพิ่มขึ้น 10-15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่แทบจะมากกว่ากรุงเทพฯ ไปแล้ว
เหตุผลมาจากการที่เมืองภูเก็ตถือเป็น Top Destination for Global Jetsetter เทียบชั้นเมืองตากอากาศหรูระดับโลกอย่างฮาวาย, โมนาโก, ซานโตรินี และไมอามี ยังมีการเติบโตต่อเนื่องทั้งในด้านเศรษฐกิจและท่องเที่ยว คาดการณ์รายได้ภาคการท่องเที่ยวปี 2567 แตะ 5 แสนล้านบาท ‘New High’ โตจากปี 2566 ที่ 28% ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่ม 16% เป็นจังหวัดที่มี High Season ตลอดทั้งปี มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว 34,336 บาทต่อคน มากที่สุดในประเทศไทย
เมื่อมองจากกำลังซื้อและทิศทางของตลาดสินค้าหรูที่กำลังเติบโตทำให้ CPN จะลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูง
“เราขยายพื้นที่ฝั่งฟลอเรสต้าจากเดิมที่มีพื้นที่อาคารทั้งหมด (Gross Floor Area: GFA) 180,000 ตารางเมตร เป็น 200,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 20,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น Ultra Luxury Brands and Bridge Line รวมทั้งสิ้น 25 แบรนด์ (ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 แบรนด์) และอาจเป็น 30 แบรนด์ได้ในอนาคต”
โดยในปีนี้มีอัปเดตความเคลื่อนไหวของแบรนด์หรูต่างๆ ได้แก่ Louis Vuitton บูติกส่วนต่อขยายใหญ่ที่สุดในภาคใต้, Prada บูติกใหม่ขนาด 597 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย, แฟลกชิปสโตร์ของ Tiffany & Co., ป๊อปอัพของ BVLGARI ที่เผยโฉมครั้งแรกนอกกรุงเทพฯ, CELINE เตรียมเปิดในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงแบรนด์ที่ Relocate อย่าง Bottega Veneta, Balenciaga, YSL
นอกจากนี้ยังเพิ่มแบรนด์สตรีทระดับโลกอย่าง lululemon สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ และ ZARA แฟลกชิปสโตร์คอนเซปต์ใหม่ล่าสุด ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร มียอดขายเปิดร้านวันแรก อันดับ 1 ในเอเชีย และปัจจุบันมียอดขายติดอันดับ 3 ของไทย รองจากกรุงเทพฯ สะท้อนศักยภาพเมืองศูนย์การค้าที่แบรนด์โลกเลือกปักหมุด
ทราฟฟิกปัจจุบันเฉลี่ย 80,000 คนต่อวัน คาดว่าหลังขยายโซนแล้วเสร็จจะเพิ่ม 25% เป็น 100,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30% นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เข้าใช้บริการศูนย์การค้าคือ รัสเซีย, จีน, สหรัฐ, สิงคโปร์ และฮ่องกง
“สมัยก่อนลูกค้าเบอร์ 1 เป็นคนจีน ในจำนวนนี้ 40% เป็นกลุ่มทัวร์ แต่ตอนนี้หายไปหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่มที่มาเที่ยวเอง” วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ระบุว่า “อีกกลุ่มที่ชอบมาภูเก็ตเช่นกันคือตะวันออกกลาง เพราะชอบฝน เนื่องจากที่ตะวันออกกลางส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย”