×

สหราชอาณาจักรเลี่ยงฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca ให้คนอายุต่ำกว่า 40 ปี

โดย THE STANDARD TEAM
08.05.2021
  • LOADING...
สหราชอาณาจักรเลี่ยงฉีดวัคซีน

เมื่อวานนี้ (7 พฤษภาคม) หน่วยงานสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรประกาศว่า ชาวสหราชอาณาจักรที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ตัวเลือกอื่น นอกเหนือจากวัคซีนของ AstraZeneca

 

คำแนะนำล่าสุดจากคณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) ซึ่งคอยให้คำแนะนำด้านการสร้างภูมิคุ้มกันแก่หน่วยงานสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติเดิมที่กำหนดให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 30 ปีได้รับวัคซีนตัวเลือกอื่นนอกจากวัคซีนของ AstraZeneca สืบเนื่องจากความกังวลกรณีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

 

ข้อมูลล่าสุดจากหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ (MHRA) ของสหราชอาณาจักร พบผู้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมเกล็ดเลือดต่ำรวม 242 ราย จากกลุ่มผู้รับวัคซีนของ AstraZeneca มากกว่า 28 ล้านราย เมื่อนับถึงวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา

 

ก่อนหน้านี้ MHRA กล่าวว่า สมดุลระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงของวัคซีน AstraZeneca นั้นเหมาะกับกลุ่มคนอายุมากกว่า แต่ ‘อาจมีความเสี่ยงมากกว่า’ หากใช้งานในกลุ่มคนอายุน้อย

 

ขณะที่ JCVI ระบุว่า วัคซีนตัวเลือกควรถูกจัดสรรเฉพาะกรณีที่ไม่ก่อให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการฉีดวัคซีน เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญต่างกังวลว่าความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญของโครงการฉีดวัคซีนอาจเพิ่มพูนความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 3

 

วัคซีนของ AstraZeneca เป็นวัคซีนผ่านการอนุมัติ 1 ใน 3 ตัว ที่สามารถขนส่งที่อุณหภูมิตู้เย็น โดย JCVI ระบุว่า วัคซีนดังกล่าวอาจเป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่สามารถใช้ได้จริงในบางสถานการณ์

 

ด้าน MHRA ระบุว่า ผู้ที่เคยรับวัคซีนของ AstraZeneca โดสแรกโดยไม่เกิดอาการข้างเคียงจะได้รับวัคซีนโดสสองตามกำหนด และประโยชน์ของวัคซีนยังคง “มีมากกว่าความเสี่ยงสำหรับประชากรวัยผู้ใหญ่ส่วนมาก”

 

สหราชอาณาจักรได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกให้ประชาชนมากกว่า 34.9 ล้านคนแล้ว แต่คณะผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้การฉีดวัคซีนจะคืบหน้า แต่สหราชอาณาจักร ‘ยังคงไม่ผ่านพ้นวิกฤต’ ท่ามกลางความกังวลจากเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ บราซิล และอินเดีย ตลอดจนการระบาดใหญ่ระลอกที่ 3 ในยุโรป

 

อ้างอิง:

  • สำนักข่าวซินหัว
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising