วันนี้ (5 ธันวาคม) สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทุกหน่วยงานสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ และให้กำหนดแนวทางเยียวยาและรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบนั้น
พนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร รายงานว่า สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา สำรวจโบราณสถานและหน่วยงานในสังกัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ พบว่าขณะนี้ปริมาณน้ำท่วมขังภายในโบราณสถานเริ่มมีระดับน้ำลดลงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมอีก และสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา จะเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อเตรียมแผนบูรณะโบราณสถานที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงแผนงานซ่อมแซมปรับปรุงอาคารหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบต่อไป
จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีโบราณสถานในพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ดังนี้ โบราณสถานในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 2 แห่ง คือ โบราณสถานเมืองโบราณยะรัง ตำบลยะรัง อำเภอยะรัง พบน้ำท่วมขังที่อาคารโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 1, 2, 3 และ 8 และโบราณสถานมัสยิดกรือเซะ ตำบลตันหยงลุโละ อำเภอเมืองปัตตานี พบการท่วมขังจากน้ำฝนที่ตกสะสมในบริเวณลานมัสยิด สถานการณ์น้ำในพื้นที่มีระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง
พนมบุตรกล่าวว่า โบราณสถานในพื้นที่จังหวัดสงขลา 5 แห่ง คือ โบราณสถานศาลากวง ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร พบว่าในพื้นที่มีระดับน้ำลดลง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่โบราณสถาน แต่ระดับน้ำต่ำกว่า 10 เซนติเมตร, โบราณสถานศาลาบ่อเก๋ง ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร พบว่าโบราณสถานไม่มีน้ำท่วมขัง มีเพียงขยะมูลฝอยที่ถูกคลื่นซัดเข้าหาที่ราบบริเวณที่เป็นพื้นที่โบราณสถานเท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการทำความสะอาด
โบราณสถานป้อมเมืองสงขลาเก่าหมายเลข 1 ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร ในบริเวณพื้นที่โดยรอบโบราณสถานไม่มีน้ำท่วมขังแล้ว ขณะนี้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ, โบราณสถานป้อมเมืองสงขลาเก่าหมายเลข 2 ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร ในบริเวณพื้นที่โดยรอบโบราณสถานพบว่ามีน้ำท่วมขัง ระดับน้ำต่ำกว่า 15 เซนติเมตร แต่โบราณสถานยังไม่ได้รับผลกระทบ และโบราณสถานป้อมเมืองสงขลาเก่าหมายเลข 3 ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร ในบริเวณพื้นที่โดยรอบโบราณสถานมีน้ำท่วมขังเพียงเล็กน้อย ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
สุดาวรรณกล่าวว่า กรมศิลปากรรายงานอีกว่า มีหน่วยงานในสังกัดได้รับผลกระทบจำนวน 6 แห่ง ดังนี้
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ยะลา มีรอยน้ำรั่วซึมภายในตัวอาคารห้องคลังเอกสารจดหมายเหตุ เอกสารมีคราบเชื้อรา ขณะนี้ประสานสำนักสถาปัตยกรรมเร่งจัดทำแบบรูปรายการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณซ่อมแซม
- หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลา มีน้ำรั่วซึมที่ผนังและฝ้าเพดาน เนื่องจากฝนตกหนัก ขณะนี้ประสานสำนักสถาปัตยกรรมลงพื้นที่สำรวจเพื่อจัดทำแบบรูปรายการซ่อมแซมปรับปรุงตัวอาคารแล้ว
- หอสมุดแห่งชาติกาญจนาภิเษก สงขลา พบว่าน้ำไม่ท่วม แต่มีรอยรั่วบางจุด ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแบบรูปรายการซ่อมแซม
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลา ไม่มีน้ำท่วมบริเวณสำนักงาน แต่มีน้ำรั่วซึมเล็กน้อยบริเวณห้องโถงด้านหน้า
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สตูล มีรอยน้ำรั่วบริเวณชั้น 2 เนื่องจากฝนตกหนัก ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแบบรูปรายการซ่อมแซม
- พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พบการท่วมขังของน้ำบริเวณรอบที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
ทั้งนี้ มอบหมายให้กรมศิลปากรและหน่วยงานที่ดูแลติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้อย่างใกล้ชิด และให้สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา เร่งสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อจัดทำแผนบูรณะโบราณสถาน รวมถึงปรับปรุงซ่อมแซมหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เช่น หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รวมถึงจัดกิจกรรม Big Cleaning Day ทำความสะอาดโบราณสถานต่างๆ ภายหลังน้ำลดต่อไป
สุดาวรรณกล่าวอีกว่า ได้รับรายงานว่า ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประสานสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ภาคใต้เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานข้อมูลต่อเนื่องทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย รวมถึงประสานให้กำลังใจเครือข่ายทางวัฒนธรรม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ได้รับรายงานว่า กรมการศาสนามีแนวทางในการสงเคราะห์เครื่องสมณบริขารแด่พระภิกษุและสามเณรที่ประสบภัย รวมถึงการช่วยเหลือซ่อมแซมบูรณะศาสนสถานกรณีประสบภัยของศาสนาอิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย หรืออยู่ภายใต้องค์การศาสนาที่กรมการศาสนารับรอง กรณีการช่วยเหลือบูรณะซ่อมแซมอาคารสถานที่ที่ใช้ในการประกอบศาสนกิจ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นในการประกอบศาสนกิจ เช่น ที่อาบน้ำละหมาด ห้องสุขา ระบบไฟฟ้า และระบบประปา ทั้งนี้ กรมการศาสนาจะเร่งดำเนินการสำรวจ รวบรวมข้อมูล และนำเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาให้การช่วยเหลือโดยเร่งด่วนต่อไป