×

มีแพสชันก็แล้ว แต่ไม่เห็นรู้สึกสนุกกับงานเลย จะทำอย่างไรดีคะ

24.10.2019
  • LOADING...
แพสชันกับการทำงาน

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • แพสชัน คือการที่เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราถนัด ทำแล้วรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกว่าเรามีความสามารถที่จะทำมันได้ดี ปัญหาคือแพสชันไม่ใช่คำตอบสำเร็จรูปหรือคำตอบสมบูรณ์แบบว่าถ้ามีแพสชันแล้ว เราจะไม่มีปัญหาในการทำงานใดๆ
  • แพสชันอย่างเดียวไม่พอที่จะทำให้เราทำงานได้รอดและมีความสุข เรายังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมาก เช่น ต้องมีความอดทนที่จะไปยังเป้าหมายแม้ในช่วงเวลาที่เจออุปสรรค การต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ การทำงานเป็นทีมที่เหนียวแน่น ฯลฯ
  • ทีนี้ถ้าน้องรู้สึกว่าตัวเองมีแพสชันที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ เป็นไปได้ไหมครับที่น้องจะหาวิธีการทำงานหรือสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ให้งานที่ทำอยู่เป็นเชื้อเพลิงให้ไฟในใจน้องและเพื่อนร่วมงานลุกโชนอยู่ตลอด เอาแพสชันของเรามาสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้รักษาแพสชันของเราไว้ได้ 
  • ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากแนะนำว่าอย่าไปยึดติดกับความสนุกหรือไม่สนุกของงานนั้น งานบางงานเป็นงานที่ไม่สนุกหรอกครับ แต่เป็นงานที่เรามีความสุขได้ เป็นงานที่เป็นประโยชน์ได้ ให้นึกถึงว่าเราชอบอะไรในงานนี้ แล้วลงมือทำงานนั้นด้วยความรู้สึกนั้น และถ้าอยากสนุกกับงาน ให้เราออกแบบวิธีการทำงานและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้งานนั้นสนุกได้

Q: หนูได้ทำงานที่ตัวเองชอบ หนูว่าหนูมีแพสชันกับมันนะคะ แต่เอาเข้าจริงหนูไม่เห็นรู้สึกสนุกกับงานเลย หนูเลยสงสัยว่าหรือจริงๆ มันไม่ใช่งานที่หนูชอบ หนูอาจจะมีแพสชันกับงานอื่นมากกว่า หนูสับสน หนูควรทำอย่างไรดีคะ 

 

A: ดีใจด้วยครับที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ และก็รู้ว่าตัวเองมีแพสชันกับอะไร ไหนๆ หนูบอกว่าหนูมีแพสชันแล้ว และตอนนี้ก็กำลังสงสัยในแพสชันที่ตัวเองมี (ว่าตกลงมีหรือไม่มีกันแน่) พี่ชวนหนูคุยเรื่องแพสชันหน่อยดีกว่า

 

แพสชัน คือการที่เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราถนัด ทำแล้วรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกว่าเรามีความสามารถที่จะทำมันได้ดี ปัญหาคือ แพสชันไม่ใช่คำตอบสำเร็จรูปหรือคำตอบสมบูรณ์แบบว่าถ้ามีแพสชันแล้ว เราจะไม่มีปัญหาในการทำงานใดๆ สิ่งที่พี่จะบอกก็คือ มีแพสชันอย่างเดียวไม่พอที่จะทำให้เราทำงานได้รอดและมีความสุข เรายังต้องมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมาก เช่น ต้องมีความอดทนที่จะไปยังเป้าหมายแม้ในช่วงเวลาที่เจออุปสรรค การต้องเรียนรู้ไม่รู้จบ การทำงานเป็นทีมที่เหนียวแน่น ฯลฯ

 

ถ้าหนูจะรู้สึกสงสัยในแพสชันของตัวเอง พี่ก็คิดว่ามันเกิดขึ้นได้ เพราะแพสชันมันเปลี่ยนได้เสมอ เรื่องบางเรื่องเคยเป็นเรื่องที่เราชอบมาก พอเวลาเปลี่ยน เงื่อนไขของชีวิตเปลี่ยน เราก็อาจจะพบว่าเราไม่ได้ชอบมันมากเหมือนเดิม เราอาจจะไปเจอเรื่องอื่นที่เราชอบมากกว่าก็ได้ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแพสชันของตัวเองว่าเราชอบอะไรแล้วเราต้องทำสิ่งนั้นเท่านั้นอย่างเดียว พี่คิดว่าเรารู้ว่าชอบอะไรแต่ปล่อยให้ตัวเองมีพื้นที่ในการสำรวจโลกด้านอื่นๆ บ้าง บางทีเราอาจจะค้นพบก็ได้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไรเพิ่มเติม

 

พี่คิดว่าคีย์เวิร์ดของชีวิตเราไม่ใช่การที่เราชอบอะไรแล้วทำสิ่งนั้น แต่มันคือการได้สำรวจทั้งสิ่งที่เราชอบและสิ่งที่เรายังไม่รู้ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ไปจนถึงไปลองสำรวจสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้างก็ไม่เป็นการเสียเวลาแต่อย่างใด บางทีเราอาจจะไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ได้ ถ้าวันหนึ่งน้องจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีแพสชันกับงานนี้แล้วก็ไม่เป็นปัญหาครับ ให้คิดว่าน่าสนุกดีที่เราจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักความรู้ใหม่ๆ เพิ่ม เรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้พบว่า “อ๋อ…มันเป็นแบบนี้นี่เอง”

 

ทีนี้กลับมาที่แพสชันเดิมที่น้องมีอยู่ซึ่งน้องบอกว่าน้องมี สิ่งที่พี่อยากทำความเข้าใจกับน้องก็คือ มีแพสชันกับสนุกในงานเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องสนุกหรือไม่สนุกกับงานนี่มันมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย บางทีมาจากเพื่อนร่วมงาน มาจากขั้นตอนการทำงาน มาจากการได้ลองทำอะไรใหม่ๆ น่าตื่นเต้น มาจาก Mindset ของเรา มาจากสิ่งแวดล้อมที่เรามี ซึ่งบางทีเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับแพสชันเสียทีเดียวนะครับ แต่มันทำให้เรารู้สึกว่าบรรยากาศการทำงานมันสนุกจัง ซึ่งแน่นอนล่ะมันช่วยทำให้งานของเราออกมาได้ดีขึ้นถ้าเรารู้สึกสนุกกับมัน

 

มีหนังสือเล่มหนึ่งที่พี่ได้อ่านแล้วคิดว่าแนวคิดบางอย่างน่าสนใจดี หนังสือชื่อ Willpower Doesn’t Work ของ เบนจามิน ฮาร์ดี้ มีฉบับแปลภาษาไทยแล้วชื่อ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบด้าน แล้วจักรวาลจะเป็นของคุณ หนังสือเล่มนี้บอกว่า การมีวัตถุประสงค์ที่แรงกล้าอย่างเดียวไม่พอ เราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการรักษาพลังความตั้งใจของเราด้วย ถ้าสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ต่อให้เรามีความตั้งใจแค่ไหน เราก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำต่อสิ่งแวดล้อมก่อน

 

ยกตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าเรามีแพสชันต่อการออกกำลังกายมาก แต่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คนรอบตัวชวนกันกินชาไข่มุกกับบุฟเฟต์ปิ้งย่าง อยู่ในที่ทำงานที่บังคับให้เราทำงานตั้งแต่เช้ายันดึก โอกาสที่เราจะได้ออกกำลังกายอย่างที่ตั้งใจก็จะเหลือน้อยลง

 

ทีนี้ถ้าน้องรู้สึกว่าตัวเองมีแพสชันที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ เป็นไปได้ไหมครับที่น้องจะหาวิธีการทำงานหรือสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ให้งานที่ทำอยู่เป็นเชื้อเพลิงให้ไฟในใจน้องและเพื่อนร่วมงานลุกโชนอยู่ตลอด เอาแพสชันของเรามาสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้รักษาแพสชันของเราไว้ได้ มีเพื่อนร่วมงานคนไหนไหมครับที่น้องมองดูแล้วคิดว่าเขาก็มีไฟอยู่เหมือนกัน นั่นแหละครับคือแนวร่วมของน้อง หรือถ้ารู้สึกเบื่อๆ ลองหาวิธีการทำงานแบบใหม่ หาไอเดียใหม่ๆ มาทำให้งานที่ทำอยู่ไม่น่าเบื่อ

 

มองให้ลึกไปกว่าความสนุก ลองมาสำรวจว่าที่เราชอบงานนี้นั้น จริงๆ แล้วเราชอบมันเพราะอะไร เช่น เราชอบมันเพราะท้าทายความสามารถ เวลาแก้ปัญหาได้แล้วรู้สึกตัวเองเก่งขึ้น เราชอบเพราะเราชอบที่จะขลุกอยู่กับอะไรสักอย่างนานๆ เพื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนเข้าใจมันจริงๆ เราชอบเพราะเราได้เห็นมันตั้งแต่มันเป็นแค่อากาศจนออกมาสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน เราชอบเพราะเราได้รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ ฯลฯ

 

การที่เราได้สำรวจแพสชันแบบนี้จะทำให้เราเข้าใจตัวเองว่าแท้จริงแล้วเราชอบอะไรโดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งงาน ไม่ยึดติดกับกระบวนการทำงาน เราคงไม่บอกว่าเรามีแพสชันกับการขันน็อต แต่เราคงบอกว่าเรามีแพสชันกับการทำงานละเอียด การได้เห็นทุกรายละเอียด การเห็นความเชื่อมโยงของเครื่องยนต์ ฯลฯ เราคงไม่บอกว่าเรามีแพสชันกับการออกแบบกราฟิก แต่เราคงบอกว่าเรามีแพสชันกับการเล่าเรื่อง การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องเข้าใจได้ด้วยภาพภาพเดียว การทำให้คนรู้สึกทึ่งกับความสวยงาม ฯลฯ พอเราเข้าใจแพสชันของตัวเองมากขึ้นแล้ว เราจะรู้วิธีการใช้ประโยชน์จากแพสชันที่เรามีได้

 

ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากแนะนำว่าอย่าไปยึดติดกับความสนุกหรือไม่สนุกของงานนั้น งานบางงานเป็นงานที่ไม่สนุกหรอกครับ แต่เป็นงานที่เรามีความสุขได้ เป็นงานที่เป็นประโยชน์ได้ ให้นึกถึงว่าเราชอบอะไรในงานนี้ แล้วลงมือทำงานนั้นด้วยความรู้สึกนั้น และถ้าอยากสนุกกับงาน ให้เราออกแบบวิธีการทำงานและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้งานนั้นสนุกได้

 

Jon M. Jachimowicz จาก Harvard School เขียนไว้ใน ‘3 Reasons It’s So Hard To Follow Your Passion’ ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review น่าสนใจมากครับ เขาบอกว่า มันมีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง ‘โฟกัสในสิ่งที่เรารัก’ (หรือทำตามแพสชัน) ซึ่งเชื่อมโยงกับความสุขของเรา ความสนุกของเรา แปลอีกนัยหนึ่งคือ ทำมันเพราะเป็นความสุขของเรา ทำแล้วสนุกก็เลยทำ กับ ‘โฟกัสในสิ่งที่เราแคร์’ ซึ่งเป็นการกลับมาถามตัวเราว่าสิ่งที่เราทำนั้นทำแล้วส่งผลอย่างไร ทำแล้วจะมีคุณค่าอย่างไร

 

ตอนนี้น้องเจอสิ่งที่น้องรักแล้ว เป็นไปได้ไหมครับที่น้องจะลองสำรวจว่าการทำสิ่งที่น้องรักนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อชีวิตคนอื่นบ้าง ทำแล้วเกิดประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าเจอแล้ว น้องอาจจะพบว่า น้องอยากทำงานไม่ใช่เพราะทำแล้วสนุก แต่เป็นเพราะทำแล้วรู้สึกว่าได้ทำสิ่งที่มีคุณค่า

 

เป็นการทำงานที่ไปไกลกว่าการทำงานเพราะความสนุก แต่ทำงานเพราะงานที่ทำอยู่มีความหมาย

 

ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์มาที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising