พัคซอจุน ฮันโซฮี และผู้กำกับ จองดงยุน ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวซีรีส์ Gyeongseong Creature ทำไมต้องสัตว์สยองกยองซอง จากกรุงโซล เกาหลีใต้ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเข้ากับบรรยากาศของซีรีส์ย้อนยุคที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ประหลาดจากปี 1945 

จากการบอกเล่าของพวกเขา ทำให้เราเข้าใจคำว่าสัตว์สยองกยองซองมากขึ้น และรอลุ้นรับชมซีรีส์ Gyeongseong Creature ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้อย่างยิ่ง 

“Gyeongseong Creature เป็นเรื่องของสัตว์ประหลาดที่โผล่มาในช่วงปี 1945 เหมือนกับชื่อเรื่องเลยครับ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาในชีวิตด้วย ผมคิดว่าเมื่อได้ดูแล้วจะต้องประทับใจครับ” พัคซอจุนเริ่มเล่าถึงซีรีส์ Gyeongseong Creature ที่ยืนอยู่บนดราม่าย้อนยุค ผสมเข้ากับสัตว์ประหลาดที่เกิดจากความโลภของมนุษย์ แม้ว่าพล็อตจะคุ้นๆ แต่วิธีการทำงานและรายละเอียดทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่าง

พัคซอจุน และฮันโซฮี ตอบคำถามในการร่วมงานกับผู้กำกับ จองดงยุน และนักเขียน คังอึนคยอง พร้อมเหตุผลที่เขาและเธอตัดสินใจรับงานนี้แบบไม่ต้องคิดเยอะ

“ผมมักจะดูเนื้อเรื่องก่อนรับงานเสมอครับ เรื่องนี้พอเห็นบทแล้วน่าสนใจมาก เหมือนว่าจะได้ถ่ายทอดตัวละครในหลากหลายแง่มุม แล้วก็ยังมีนักเขียน คังอึนคยอง ที่ผมเป็นแฟนคลับ ก็เลยไม่ต้องคิดเลยครับ นอกจากนี้ก็มีผู้กำกับ จองดงยุน ด้วย ตอนผมเล่น Itaewon Class ผมก็อยากจะเจอเขาอยู่แล้ว เพราะได้ดู Hot Stove League และยังมีฮันโซฮีอีก เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดเยอะเลยครับ อย่างไรก็ต้องรับเล่นอยู่แล้ว

“เหมือนที่พัคซอจุนพูดเลยค่ะ ฉันเองก็ชอบซีรีส์ Hot Stove League เหมือนกันค่ะ และฉันก็ชอบดูผลงานที่พัคซอจุนแสดงด้วย และซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องราวที่ย้อนไปในปี 1945 ด้วย แถมมีสัตว์ประหลาดโผล่มาอีก จึงมีหลายด้านมากๆ ให้นำเสนอ เป็นการผสมผสานกันระหว่างดราม่าย้อนยุคกับแนวสัตว์ประหลาด มันก็น่าจะช่วยฉันให้ก้าวหน้าในฐานะนักแสดงด้วยค่ะ”

มาที่ตัวละครหลักของซีรีส์กันบ้าง พัคซอจุนเริ่มต้นเล่าถึงตัวละครของเขา จางแทซัง หนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งกยองซอง 

“จางแทซังเป็นคนร่ำรวย เป็นนายห้างโรงรับจำนำสมบัติทองอยู่ที่บุกชอน ซึ่งตอนต้นของเรื่องราวก็จะได้เห็นครับ แต่นั่นก็คือตอนที่เขาขึ้นเป็นเจ้าของโรงรับจำนำแล้ว ที่ผ่านมาเขาต้องสู้ชีวิต ต้องผ่านประสบการณ์มากมายเพื่อขึ้นไปถึงจุดนั้น ตลอดเรื่องราวผมพยายามโฟกัสการบอกเล่าตัวละครนี้ เพื่อให้ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา 

“ทั้งเนื้อเรื่องของ Gyeongseong Creature และตัวละครจางแทซัง มีความน่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะจางแทซัง เขามีความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ ขณะเดียวกันก็ใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์ของตัวเองไปด้วย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเป็นคนน่าทึ่งมากครับ”

ในซีรีส์เราจะเห็นได้ว่านายห้างจางแทซังมักจะปรากฏตัวในชุดสูทสากลสุดพิถีพิถัน ใช้ชีวิตหรูหรา ตรงกับที่ ฮงซูฮี ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า ทางทีมสร้างต้องการเสนอให้เห็นความสมจริง เสื้อผ้าของจางแทซังจะสะท้อนความเป็นคนเมือง และพิถีพิถันในรายละเอียดสมกับการเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในกยองซอง

“พูดถึงเรื่องการแต่งตัว เราทำการบ้านเยอะมากครับ เพื่อให้จางแทซังออกมาตรงกับยุคสมัยและตัวละครที่สุด สำหรับผมเองคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ในการปรากฏตัวของจางแทซังเป็นครั้งแรก เป็นโมเมนต์ที่คนดูได้พบกับตัวละครจริงๆ เป็นครั้งแรก ผมหวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ เพราะพวกเราทำงานร่วมกันหนักมากเพื่อให้จางแทซังมีชีวิตจริงๆ ขึ้นมา

“แต่ผมคงต้องบอกไว้ก่อนว่าฉากแรกๆ กลับเป็นว่าจางแทซังกำลังโดนทรมาน เสื้อผ้าเปียกเพราะโดนน้ำสาด ผมเผ้ายุ่งๆ เสื้อผ้าก็มอมแมมไปหมด จริงๆ นะครับ ตอนที่เราถ่ายฉากนี้กันตั้งแต่แรก ผมก็คิดในใจเลยว่าถ้าฉากแรกเป็นแบบนี้ แล้วเรื่องราวที่เหลือจะเป็นอย่างไรนะ มันต้องโหดกว่านี้สิ เอ๊ะ นี่ผมมาผิดกองถ่ายหรือเปล่านะ (หัวเราะ) 

“สำหรับฉากโดนทรมานฉากเดียวนี่ จริงๆ ก็ช่วยให้ผมเข้าถึงตัวละครได้ทันทีเลยครับ เพราะนอกจากด้านร่ำรวยเป็นนายห้างโรงรับจำนำ จางแทซังก็มีอีกมุมอยู่ด้วยเหมือนกัน”

ฮันโซฮี สาวแกร่งจากผลงานก่อนหน้านี้ My Name ได้เล่าถึงตัวละครของเธอในซีรีส์ Gyeongseong Creature และความประทับใจแรกต่อตัวละครยุนแชอ๊ก 

“ความเป็นตัวของตัวเองและความแน่วแน่ต่อเป้าหมายของยุนแชอ๊กคือสิ่งที่ทำให้ฉันสนใจตัวละครนี้ได้มากที่สุดค่ะ

“ยุนแชอ๊กออกตามหาแม่ที่หายไปเมื่อสิบปีก่อน จนกระทั่งเดินทางมาถึงกยองซองแล้วได้พบกับจางแทซัง ฉันคิดว่ายุนแชอ๊กแทบไม่เหมือนกับตัวจริงฉันเลย ฉันไม่ใช่คนที่สบายๆ แบบนั้นได้ถ้าเจอสถานการณ์คับขัน แต่พอฉันศึกษาไปยังประวัติศาสตร์ยุคนั้นก็ทำความเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงแข็งแกร่งแบบนั้น นั่นก็เพราะประสบการณ์หล่อหลอม และเพราะเธอมีเป้าหมายเดียวในการตามหาแม่ให้เจอให้ได้”

สำหรับเสื้อผ้าของยุนแชอ๊ก ที่คุ้นตามากที่สุดก็เป็นชุดสีทึมๆ ที่เข้ากับการเป็นนักแกะรอยของเธอ ฮงซูฮี ฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกายอธิบายว่า เสื้อผ้าสีสนิมของยุนแชอ๊กเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นอดีตและสถานะความเป็นคนนอกของเธอ ขณะเดียวกันฮันโซฮีได้เล่าถึงประเด็นนี้ว่า 

“เราฟิตติ้งเสื้อผ้ากันเยอะมากค่ะ เปลี่ยนเยอะ ทดลองเยอะ เพราะผู้กำกับต้องการเสื้อผ้าที่เข้ากับโทนสีผิวของฉัน เพื่อที่จะสื่อถึงบุคลิกของยุนแชอ๊กด้วย แล้วทั้งเรื่องจะเห็นว่าฉันมีเสื้อผ้าแค่ 2 ชุดเอง แต่ก็เป็น 2 ชุดที่มีรายละเอียดเยอะมาก ส่วนชุดที่ใส่ประจำฉันมีแบบเดียวกัน 4 ชุดเลยค่ะ เพื่อให้ถ่ายทำได้ง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ ฮันโซฮีได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างการถ่ายทำฉากแอ็กชัน

“ระหว่างถ่ายทำฉันได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แต่จริงๆ คนที่อยู่ในทีมสตันท์ก็ได้รับบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน เพราะสำหรับซีรีส์แอ็กชัน เราทุกคนต่างก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์บาดเจ็บขึ้น ก่อนจะเริ่มถ่ายทำพวกเราจึงจะต้องเต็มร้อยเสมอ และฉากไหนที่ฉันรู้ตัวว่าทำไม่ได้แน่ๆ ก็จะปรึกษากับทีมงาน แต่สำหรับฉากที่ฉันได้รับบาดเจ็บนั้น ถ้าย้อนเวลากลับไปฉันอาจจะต้องคิดถึงเรื่องนี้ค่ะ จะได้เสี่ยงและเจ็บตัวน้อยลง อีกอย่างคือการไม่ใช้ร่างกายเกินขีดจำกัดมากจนเกินไปในฉากแอ็กชัน ฉันคิดว่าถ้าได้เล่นฉากนั้นๆ อีกครั้งฉันอาจจะทำได้ดีขึ้นนะคะ แต่ตอนนี้อาการบาดเจ็บหายแล้วนะคะ ฉันสบายดีค่ะ”

เมื่อต้องพูดถึงการแสดงร่วมกันระหว่างพัคซอจุนและฮันโซฮีในซีรีส์ Gyeongseong Creature ที่มีมุมโรแมนซ์รวมอยู่ด้วย

“ผมมองว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นความรักที่ถูกเก็บเอาไว้ เพราะว่าผมกับฮันโซฮีเราได้เจอกันในกองถ่ายแค่ช่วงแรกของเรื่อง แล้วก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีก แต่การไม่ได้เข้าฉากด้วยกันบ่อยๆ ก็ช่วยได้นะครับ เพราะผมก็คิดถึงอยากเจอฮันโซฮีอีก แล้วพอได้มาถ่ายทำด้วยกันอีกที ผมยังบอกเขาเลยว่าคิดถึงนะ ไม่ได้ถ่ายด้วยกันตั้งนาน มันเลยมีอารมณ์ของการต้องห่างไกลกันเข้ามาเกี่ยวข้องจริงๆ 

“และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เวลาแสดงซีรีส์ที่เรื่องราวแบบนี้ เราต้องเชื่อใจนักแสดงที่เล่นด้วยกันมากๆ แค่ผมมองตาเขาเวลาที่แสดงก็ทำให้เข้าใจปมปัญหาของทั้งสองตัวละครได้อย่างดีเลย บอกได้เลยว่าผมเชื่อใจคุณฮันโซฮีมากๆ” 

ส่วนฮันโซฮีก็อธิบายความรู้สึกในการแสดงเอาไว้ว่า

“จางแทซังและยุนแชอ๊ก พวกเขาต้องสกัดความรู้สึกเอาไว้ เพราะทั้งสองคนมีสิ่งที่ต้องปกป้อง ก็เหมือนกับที่พัคซอจุนพูด กว่าจะได้กลับมาถ่ายฉากเดียวกันมันใช้เวลานานมาก เดี๋ยวเขาก็โดนขัง เดี๋ยวฉันก็บาดเจ็บ มันเลยยิ่งทำให้แสดงออกถึงความรักที่มี แต่ต้องแยกจากกันได้ง่ายขึ้น 

“แล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องรักของชาย-หญิง แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับการร่วมมือกันเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาด ฉันไม่อยากให้ผู้ชมสนใจแค่เส้นเรื่องความรักนะคะ แต่อยากให้เห็นว่าพวกเขาพยายามร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอดค่ะ”

ผู้กำกับ จองดงยุน ได้อธิบายเพิ่มเติมในส่วนของเรื่องราวย้อนยุคที่เกิดขึ้นในซีรีส์ Gyeongseong Creature รวมถึงการทำงานที่ท้าทายเขาไปอีกระดับ สำหรับงาน VFX ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

“ตอนผมคุยกับคุณคังอึนคยอง (ผู้เขียนบท) เกี่ยวกับสัตว์สยองกยองซอง ผมบอกไปว่าอยากเล่าถึงยุคกยองซอง เพราะผมสนใจยุคนี้มาก แต่ก็อยากเล่าเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเราเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกจะสนุกและสนใจไปด้วยกันได้ ผมก็เลยเอาเรื่องสัตว์ประหลาดเข้ามา เพราะว่ามันจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ได้ และยังคงดึงความสนใจจากผู้ชมทั่วโลกได้ด้วย ก็เลยอยากเอาสองมุมนี้มาผสมกัน ซึ่งก็ลองทำเป็นครั้งแรก และท้าทายสำหรับผมเหมือนกันครับ

“Gyeongseong Creature เรียกว่าเป็นงานแรกเลยครับที่มี VFX เยอะมาก ไม่คิดว่าจะได้มาทำ แต่ท้าทายมากเลยครับ ผมก็อยากทำให้ออกมาดี ส่วนเรเฟอเรนซ์ของตัวสัตว์ประหลาดที่อยู่ในซีรีส์ ผมดูหนังและซีรีส์มาเยอะครับ แต่ว่าสุดท้ายแล้วผมอยากได้สัตว์ประหลาดที่เป็นของเราเองที่ผู้ชมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ผมกับนักเขียนคังอึนคยองก็เลยคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะเริ่มต้นโดยการเกิดจากเซลล์ในตัวมนุษย์เอง แล้วค่อยมาดูว่ามันจะมีความสามารถอย่างไร หน้าตาแบบไหน พัฒนามาจากอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องถูกต้อง คนดูถึงจะเชื่อในการเกิดของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ 

“พวกเราเริ่มต้นมาแบบนั้น ผมบอกได้ครับว่าเราคือต้นฉบับของสัตว์ประหลาดนี้ เราสร้างสรรค์ขึ้นมาเองทั้งหมด เป็น One of a kind creature สำหรับใครที่ได้ดูแล้ว ตัวสัตว์ประหลาดจะโผล่มาในช่วง Opening Credit ที่เราแนะนำนักแสดงทั้งหมด เราจะบอกว่ามันมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ผมว่าแค่ดู Opening Credit ก็สนุกแล้วครับ”

“Gyeongseong Creature เป็นซีรีส์ดราม่า มีสัตว์ประหลาด และมีความแตกต่างอยู่ครับ เพราะเรามีความเศร้าอยู่ในสัตว์ประหลาด นั่นคือสิ่งที่ทำให้ต่างกัน ถ้าคุณได้ดูซีรีส์แล้วคุณจะเข้าใจแน่ๆ ว่าผมหมายถึงความเศร้าแบบไหน 

“มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เท่และน่ากลัวอย่างเดียว นั่นไม่ใช่โฟกัสของเราครับ แต่ทุกตัวจะมีภูมิหลังของตัวเอง แล้วเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นตัวหล่อหลอมให้รูปร่างหน้าตาของสัตว์ประหลาดแต่ละตัวออกมาต่างกัน รวมไปถึงการแสดงออกและท่าทางด้วย มันจะออกมาจากความรู้สึก แล้วเราพยายามคุยกับทีม VFX มากๆ ว่าจะแสดงออกถึงความเศร้าในตัวสัตว์ประหลาดออกมาได้อย่างไร

“ที่สำคัญ พอเรื่องราวของ Gyeongseong Creature ย้อนไปในปี 1945 ผมคิดถึงคำว่า ‘กยองซอง’ และคำว่า ‘ครีเอเจอร์’ สองคำนี้ทำให้ผมนึกถึงคำว่า ‘ความโศกเศร้า’ เป็นคำสองคำที่มาเจอกัน ไม่ได้ความหมายเหมือนกันเลย แต่กลับมีความโศกเศร้าอยู่ในนั้น นี่คือสิ่งที่เรื่องราวในประวัติศาสตร์ถ่ายทอดให้เรารู้สึกในซีรีส์เรื่องนี้”

ภาพ: Netflix