วานนี้ (1 พฤศจิกายน) ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นำคณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคมลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการของส่วนงานต่างๆ ภายใน ทสภ. ตามนโยบายการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกว่า เมื่อเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจะได้รับความสะดวกภายใต้มาตรการการคัดกรองและเฝ้าระวังโรคที่ได้มาตรฐานสากล โดยมี นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.), กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมคณะผู้บริหาร ทอท. ให้การต้อนรับ
ศักดิ์สยามพร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ การให้บริการตรวจเอกสารด้วยระบบใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry: COE) และการสแกน QR Code ของระบบ Thailand Pass บริเวณ Concourse E ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วให้กับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งในอนาคตจะเข้ามาแทนการใช้ระบบ COE ติดตามความเรียบร้อยของการให้บริการ ณ จุดตรวจหนังสือเดินทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) จุดตรวจศุลกากร และจุดนัดพบระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก (AQ) หรือโรงแรม SHA Plus
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ร่วมประชุมออนไลน์ผ่านระบบ Cisco Webex Meeting กับผู้บริหาร ทอท. จากท่าอากาศยานภายใต้การดูแลของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย, ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรับฟังบรรยายการสรุปการดำเนินงานของแต่ละท่าอากาศยานและหน่วยงาน
นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า เพื่อรองรับกับนโยบายการเปิดประเทศ ทอท. ได้เตรียมความพร้อมท่าอากาศยานในการดูแลทั้ง 6 แห่ง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก มีการวางมาตรการเพื่อดูแลผู้โดยสารภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด มีการนำเทคโนโลยีใหม่มาสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสาร เพื่อลดการสัมผัสระหว่างเดินทาง เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีระบบเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) ระบบโหลดสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD) ไว้ให้บริการ
ทั้งนี้เชื่อว่า ความพร้อมในทุกด้านของ ทอท. จะสนับสนุนการเดินทางที่ปลอดภัยของผู้โดยสาร ทั้งที่เดินทางในประเทศและระหว่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทาง ฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวเร็วที่สุด
กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดฝึกซ้อมใหญ่การให้บริการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งกระบวนการทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารผู้โดยสารและส่วนต่างๆ ของท่าอากาศยาน ทั้งผู้โดยสารทั้งเขาเข้าและขาออก ในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T ตามหลักการ COVID-Free Setting และ Universal Prevention อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประมาณการปริมาณจราจรทางอากาศ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดยได้มีสายการบินแจ้งทำการบินประมาณ 260 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 91 เที่ยวบิน แยกเป็นเที่ยวบินขาเข้า 40 เที่ยวบิน ขาออก 51 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 169 เที่ยวบิน แยกเป็นเที่ยวบินขาเข้า 84 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออก 85 เที่ยวบิน
ประมาณการผู้โดยสาร ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางมาที่ ทสภ. จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 20,083 คน เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 6,613 คน แยกเป็นผู้โดยสารขาเข้า 2,424 คน (ชาวต่างชาติ 1,534 คน และชาวไทย 890 คน) ผู้โดยสารขาออก 4,189 คน เป็นผู้โดยสารภายในประเทศ 13,470 คน แยกเป็นผู้โดยสารขาเข้า 6,690 คน ผู้โดยสารขาออก 6,780 คน
ส่วนประมาณการปริมาณจราจรทางอากาศตลอดเดือนพฤศจิกายน 2564 คาดว่าจะมีเที่ยวบินประมาณ 12,133 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 6,501 เที่ยวบิน แยกเป็นเที่ยวบินขาเข้า 3,260 เที่ยวบิน ขาออก 3,241 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินในประเทศ 5,632 เที่ยวบิน แยกเป็นเที่ยวบินขาเข้า 2,800 เที่ยวบิน และขาออก 2,832 เที่ยวบิน
ประมาณการผู้โดยสารตลอดเดือนพฤศจิกายน 2564 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 725,978 คน เฉลี่ย 24,199 คนต่อวัน เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 270,529 คน แยกเป็นผู้โดยสารขาเข้า 135,407 คน ขาออก 135,122 คน ผู้โดยสารภายในประเทศ 455,449 คน แยกเป็นผู้โดยสารขาเข้า 226,152 คน ขาออก 229,297 คน
กิตติพงศ์กล่าวในตอนท้ายว่า จากการบูรณาการร่วมกันทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และการให้การสนับสนุนทุกด้านจากผู้บริหาร ทอท. และหน่วยงานต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างดี ทำให้เชื่อมั่นว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมอย่างยิ่งสำหรับการเปิดประเทศและร่วมเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย