Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของตลาดโลก ประกาศเปิดตัวชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ พร้อมด้วยซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานกับโมเดลต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยี AI ภายในงานประชุมนักพัฒนาของบริษัท GTC 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 มีนาคม) ตอกย้ำจุดยืนของบริษัทในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม AI
รายงานระบุว่า ชิป AI รุ่นใหม่มีชื่อว่า ‘Blackwell’ ซึ่งเป็นชิปประมวลผลกราฟิก AI โดยชิปประมวลผลกราฟิก AI รุ่นแรกในตระกูล Blackwall นั้นจะมีชื่อว่า B200 ซึ่งพร้อมจัดส่งภายในปีนี้
โดย Blackwell ตั้งชื่อตาม David Blackwell นักวิชาการผิวสีคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าเรียนใน National Academy of Science
Huang กล่าวว่า ชิปรุ่นนี้มีการประมวลผลเร็วขึ้นถึง 30 เท่า เมื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การประมวลผลภาพ หรือการตอบคำถามแชตบอต แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของชิป ตลอดจนราคาขายของชิปรุ่นใหม่ เพียงแต่ยืนยันว่า ชิปและเครื่องมือซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาจะช่วยบรรดานักพัฒนาให้สามารถจำหน่ายโมเดล AI ให้กับลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีจาก NVIDIA ได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าเหล่านี้รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลก ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Google, OpenAI, และ Oracle
ขณะเดียวกัน การเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ยังมีเป้าหมายเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของ NVIDIA ที่ในปัจจุบันครอบครองอยู่ 80% ต่อไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการตั้งคำถามถึงความสามารถในการแข่งขันของ NVIDIA ท่ามกลางผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มเข้ามามากขึ้น
ด้านทีมผู้บริหารของ NVIDIA ชี้ว่า การเปิดตัวชิปรุ่นใหม่พร้อมด้วยเครื่องมือซอฟต์แวร์เป็นการส่งสัญญาณว่า บริษัทจะขยับสถานะจากการเป็นผู้ให้บริการผลิตชิปรับจ้างสู่การเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เฉกเช่นเดียวกันกับ Microsoft หรือ Apple ดังนั้น แทนที่จะขายแค่ GPU หรือหน่วยประมวลผลกราฟิก บริษัทจะมีธุรกิจซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์เข้ามาร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม CNBC รายงานว่า การเปิดตัวชิปรุ่นใหม่ของ NVIDIA ในครั้งนี้ยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับบรรดานักลงทุนสักเท่าไรนัก เห็นได้จากหุ้นของบริษัทที่มีการปรับลดลงกว่า 1% หลังจากเปิดตัวไม่นาน โดยอานิสงส์ของกระแส AI ทำให้หุ้นของ NVIDIA พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 240% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ดันให้บริษัทขึ้นแท่นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 3 ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ รองจาก Microsoft และ Apple
ภาพ: NurPhoto / Getty Images
อ้างอิง:
