×

เลือกตั้ง 2566 : นรวิชญ์ ระบุภูมิใจไทยอาจถูกยุบพรรค ชี้รู้เห็นเป็นใจให้ลูกพรรคยื่นฟ้องเท็จ ‘เศรษฐา’

โดย THE STANDARD TEAM
04.05.2023
  • LOADING...
นรวิชญ์ หล้าแหล่ง

วันนี้ (4 พฤษภาคม) นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ศุภชัย ใจสมุทร ในฐานะนายทะเบียนของพรรคภูมิใจไทย ออกมาแถลงข่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทยได้มีการฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กรณีปราศรัยที่จังหวัดนครพนม ว่านโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น อยู่ในวิสัยที่ประชาชนคนทั่วไปสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยสุจริต และสามารถแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ไม่เข้าข่ายการกระทำผิดต่อกฎหมายใดๆ อยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายกัญชาเสรีนั้น ได้มีคำวินิจฉัยของศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ.1650/2566 ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย กับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่า  “…การกล่าวหรือแสดงความคิดเห็นของจำเลยในเรื่องของกัญชา ทำให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์และโทษของกัญชา จึงถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่สุขภาพของประชาชนเป็นส่วนมาก…”

 

ฉะนั้น การที่เศรษฐาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริตไม่เห็นด้วยกับนโยบายกัญชาเสรี แต่เห็นด้วยในนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ จึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และเป็นการให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน และยังเป็นการแสดงจุดยืนของ เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่า “หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่มีนโยบายกัญชาเสรีอย่างแน่นอน จะมีแต่เพียงนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น” ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทย จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5)

 

​ส่วนกรณีที่ว่า “…หากเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกรอบ…” นั้น นรวิชญ์กล่าวว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุนให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ก่อนเลือกตั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศว่า “…ไม่ยอมรับให้คน 250 คนที่ไม่ได้มาจากพี่น้องประชาชนมาเลือกนายกรัฐมนตรีของพวกผม…” แต่ท้ายที่สุดในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อนุทินกลับโหวตให้ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี

 

นอกจากนี้ ตามคลิป Yes or No ของ #TheStandardNews ในการตอบคำถาม Yes หรือ No ในประเด็นคำถามว่า “แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ว. เลือกนายกฯ” อนุทินก็ตอบว่า “NO” นั่นหมายความว่าอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้ตัดอำนาจ ส.ว. 250 คนในการเลือกนายกรัฐมนตรีออก และนอกจากนี้ ยังตอบคำถามเกี่ยวกับ “คุณประยุทธ์” ว่า “GOOD” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เศรษฐาจะเข้าใจ และเชื่อโดยสุจริตว่าหาก พล.อ. ประยุทธ์ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยก็ยังคงสนับสนุนให้ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี  

 

ดังนั้น กรณีการปราศรัยของเศรษฐาที่จังหวัดนครพนม ที่มาจากความเชื่อโดยสุจริต ไม่เป็นการใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทย จึงไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5) แต่อย่างใด

 

นรวิชญ์ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า การที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ไปฟ้องร้องดำเนินคดีกับเศรษฐานั้น จะส่อเป็นฟ้องเท็จ อาจเข้าข่ายเป็นการใส่ร้ายเศรษฐาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5) เสียเอง อีกทั้งการที่พรรคภูมิใจไทยรับรู้ รับทราบถึงการที่ผู้สมัคร ส.ส. ในพรรคของตนไปฟ้องเศรษฐาแล้ว แต่ยังกลับปล่อยปละละเลย ไม่ห้ามปราม อาจถือได้ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ควบคุมสมาชิกพรรคให้ดำเนินการด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 ที่อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคได้

 

“จึงขอให้พรรคภูมิใจไทยรีบสั่งการให้ผู้สมัคร ส.ส. พรรคของตน ถอนฟ้องคดีเศรษฐาเสียโดยเร็ว” นรวิชญ์กล่าวในที่สุด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising