×

ไทยแลนด์แดนสวรรค์ LGBT จริงหรือ?

21.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • ประเทศไทยอาจไม่ใช่สวรรค์ของกลุ่ม LGBT เหมือนที่หลายคนคิด เพราะ ในทางวัฒนธรรมและสิทธิ LGBT มีพื้นที่เพิ่มขึ้นก็จริง แต่ก็ยังมีบางอย่างกดทับอยู่
  • เกย์ในสื่อมักจะเป็นคนเมือง ผิวขาว หน้าตาดี การศึกษาดี มีฐานะ แต่เราแทบไม่เห็นเกย์ชนชั้นแรงงาน หรือเกย์ที่อยู่นอกเมืองเลย
  • สื่อสร้าง stereotype ของกลุ่ม LGBT ให้กับเรา แต่บางครั้งเราก็นำ stereotype นั้นไปใช้กับกลุ่มอื่นด้วยเช่นกัน
  • “เป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดี” นัยหนึ่งเป็นการกดเกย์ และยังแสดงออกว่าสังคมคาดหวังให้เกย์ต้องมีมาตรฐานทางศีลธรรมที่สูงมาก

     เมื่อพูดถึงการเรียกร้องสิทธิของ LGBT หลายคนอาจจะนึกถึงธงสีรุ้งและงาน Gay Pride ที่ในระยะหลังมานี้จัดขึ้นในหลายที่ทั่วโลก

     แล้วประเทศไทยล่ะ?

     เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการจัดงาน The bar has LGBT: after Orlando massacre we stand till stonewall riot ที่ร้าน The Bar Has No Name สามเสนซอย 1 เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับเกย์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บาร์

     เหตุการณ์แรกคือ โศกนาฏกรรมกราดยิงไนต์คลับเกย์แห่งหนึ่งในออร์แลนโด เมื่อปี 2016 และอีกเหตุการณ์คือ เหตุจลาจลเพื่อเรียกร้องสิทธิเกย์ที่บาร์สโตนวอลล์ บาร์เกย์แห่งหนึ่งในนิวยอร์กเมื่อปี 1969

 

 

     ถึงแม้งานที่จัดขึ้นในบาร์เล็กๆ แห่งนี้จะไม่มีการเดินขบวนพาเหรดไปตามท้องถนน แต่ทางผู้จัดงานบอกกับเราว่า นี่เป็นการจัดงาน Pride ครั้งแรกของเมืองไทย

     ก่อนจะเข้าไปในร้านเราสังเกตเห็นธงสีรุ้งหลายผืนโบกสะบัดอยู่หน้าร้าน เมื่อก้าวเข้าไปภายในเรามองเห็นผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งชาว LGBT และผู้คนที่สนับสนุน ทุกคนกระตือรือร้นไปกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราว และดื่มคราฟต์เบียร์สูตรพิเศษที่ทางร้านเตรียมไว้ให้

     เราได้พูดคุยกับ จักรพล ผลละออ ผู้ร่วมจัดงาน ถึงเป้าหมายของการจัดงานในครั้งนี้ และสถานการณ์ LGBT ในปัจจุบัน เพื่อหาคำตอบว่าไทยแลนด์เป็นแดนสวรรค์ของ LGBT จริงหรือ

 

จักรพล ผลละออ ผู้ร่วมจัดงาน The bar has LGBT: after Orlando massacre we stand till stonewall riot

 

ความรุนแรงต่อ LGBT ยังคงเกิดขึ้นทั่วโลก

     จักรพลบอกเราว่าสาเหตุที่จัดงานนี้ขึ้นเพราะต้องการรำลึกถึงการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่ม LGBT ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์กราดยิงในผับเกย์ที่ออร์แลนโด การเฆี่ยนตีเกย์ต่อหน้าสาธารณชนในอินโดนีเซีย หรือการใช้ความรุนแรงปราบปรามเกย์ในเชชเนีย

     “เราต้องการจะสื่อสารว่าถึงแม้เราจะผ่านความโหดร้ายพวกนี้มา แต่สุดท้ายแล้วเราเชื่อว่า Stonewall Riots (จลาจลสโตนวอลล์) หรือว่าแสงสว่างจะต้องมาถึง เหมือนที่เหตุการณ์ Stonewall Riots เกิดขึ้นก็เกิดจากการถูกกดขี่ ได้รับความไม่เป็นธรรม มีการเลือกปฏิบัติ จนสุดท้ายเกิดการ uprising ขึ้นมาที่สโตนวอลล์ แล้วก็นำมาสู่การเรียกร้องสิทธิเกย์”

 

 

ประเทศไทยคือสวรรค์ของ LGBT?

     “เราอาจจะมีการเปิดพื้นที่ให้ LGBT สามารถมีหน้าที่การงานที่ดี แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็มีอะไรบางอย่างที่กดทับคนกลุ่มนี้อยู่อีก เช่น เกย์หรือทรานส์เจนเดอร์สามารถเป็นครูได้ แต่คุณห้ามแต่งหญิง คุณอยู่ในมหาวิทยาลัยไทยคุณแต่งหญิงได้ แต่พอถึงงานรับปริญญาคุณห้ามแต่ง

     “หากมองในเชิงวัฒนธรรม แม้สื่อจะเปิดพื้นที่ให้เกย์แล้ว แต่ก็ยังจับกลุ่มคนเหล่านี้ไปทำเป็นตัวตลก มองในมุมเรื่องสิทธิ ประเทศไทยเองยังไม่มี พ.ร.บ. คู่ชีวิต ส่วนกฎหมายความเท่าเทียมทางเพศที่มีนั้นก็เกิดการตั้งคำถามว่ามีเนื้อหาที่เป็นสากลไหม

     “ทำให้เราไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเมืองไทยนั้นเป็นสวรรค์ของกลุ่ม LGBT”

 

 

‘สื่อ’ กับภาพเกย์ที่แบนราบไร้มิติ

     จักรพลกล่าวว่า ‘สื่อ’ เป็นสิ่งสำคัญที่สร้างภาพจำให้กับกลุ่ม LGBT อย่างเช่น แม้ประเทศไทยจะมีซีรีส์เกี่ยวกับเกย์เยอะมาก แต่การนำเสนอกลับเป็นไปในทิศทางเดียว

     “เขานำเสนอเกย์ที่เป็นชนชั้นกลาง เกย์ที่เป็นวัยรุ่น คนที่เป็นเกย์ต้องเป็นคนหน้าตาดี ผิวขาว การศึกษาดี ฐานะร่ำรวย ถึงจะมีพื้นที่แต่เรากลับไม่มีซีรีส์ ละคร หรือหนังที่เล่าถึงชีวิตความเป็นจริงของเกย์ที่เป็นกรรมกร เกย์ที่ไม่ได้อยู่ในเมือง เกย์ที่ไม่ได้เป็นคนรวย

     “เราเห็นแต่ภาพที่ว่าเกย์แบบเป็นบล็อก 1 2 3 4 ที่สังคมจะยอมรับ แล้วสื่อเหล่านี้ได้สร้างกรอบความคิดให้คน และเมื่อเราไปเจอเกย์ที่ผิดแผกไปจากกรอบนี้คนก็จะบอกว่าไม่น่าเกิดมาเป็นเกย์เลย”

     สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือนอกจากเราจะใช้มายด์เซตดังกล่าวในการเหยียดกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศออกไปแล้ว เรายังใช้มายด์เซตนั้นไปตัดสินคนประเภทอื่นด้วย

     “ปิงปองใน ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ จะต้องเป็นคนตลก ทีนี้มันมีเรื่องตลกอยู่อย่างหนึ่งคือ โอ๊ต ปราโมทย์ ซึ่งเป็นคนตลกและเป็นคนอ้วน กลายเป็นว่ามีคนคิดว่าโอ๊ต ปราโมทย์ เป็นเกย์ เพราะบุคลิกด้านหนึ่งของเขาดันไปตรงกับบล็อกที่สื่อเซตขึ้นมาให้เรา

     “ทำให้เรามองอะไรแบบราบเรียบมากเกินไป”

 

 

“เป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดี” ประโยคง่ายๆ แต่แฝงไปด้วยความรุนแรง

     จักรพลคิดว่าเกย์ที่เติบโตมาในสังคมไทยที่หล่อหลอมพวกเขาด้วยวาทกรรม “เป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นคนดี” คือวาทกรรมที่กดทับเกย์ว่าการมีอยู่ของพวกเขาเป็นบาป ทำให้เกย์และคนในสังคมรู้สึกว่าพวกเขาต้องล้างบาปของตนเองด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานทางศีลธรรม

     “ทุกวันนี้คนในสังคมคาดหวังว่าคนที่เป็นเกย์จะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม นอกเหนือจากมีหน้าที่การงานที่ดี ฐานะดี หน้าตาดี กลายเป็นถึงขั้นคาดหวังว่าเกย์จะต้องเป็นคนที่มีมาตรฐานศีลธรรมสูงรองลงมาจากแม่ชี ซึ่งมันตลกมากในการมาคาดหวังกับเกย์

     “กูเป็นเกย์ กูเป็น LGBT เฉยๆ กูไม่ได้จะบวชพระ”

 

 

‘กฎหมาย’ เครื่องการันตีความเท่าเทียม

     เมื่อถามถึงปัญหาของเกย์ที่ต้องการได้รับการแก้ไข จักรพลบอกว่า ตนไม่สามารถกล่าวแทนทุกคนได้ เพราะแต่ละคนในแต่ละพื้นที่ก็มีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับตัวเขามองว่ากฎหมายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

     “อาจพูดได้ว่าต้องการกฎหมายและการผลักดันจากภาครัฐ การรับรองความเท่าเทียมทางเพศ การออกกฎหมายห้ามการเลือกปฏิบัติ”

     ในงานมีการร่วมจุดเทียนและยืนไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มีตัวแทนผู้จัดงานอ่านแถลงการณ์กลุ่ม LGBT

     บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างคึกคักและสนุกสนาน แววตาทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวัง เราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเป็นกันเอง

     ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม แต่เมื่อก้าวเข้าไปในร้านแล้วทุกคนต่างก็เท่าเทียมกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

 

 

ภาพประกอบ: AeA oranun 

Photo: นภัสสร เจริญการ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising