×

ย้อนเหตุการณ์ 7 ตุลา ‘51 ก่อนชี้ชะตา ‘สมชาย-บิ๊กจิ๋ว’ กับตำนานวาทะ ‘ม็อบมีเส้น’

02.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีวาระสั้นที่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และไม่เคยเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล
  • เหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นที่มาของวลีดัง ‘ม็อบมีเส้น’
  • หากศาลตัดสินในทางลบแก่จำเลย จะถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯ ได้รับโทษจากการสลายการชุมนุม

 

     คดีสลายม็อบกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เดินทางมาถึงวันชี้ชะตา เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีดำที่ อม. ๒/๒๕๕๘ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ, พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ และพล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในการออกคำสั่งสลายม็อบพันธมิตรฯ ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาเช้าวันอังคารที่ 2 สิงหาคมนี้ เวลา 9.30 น. โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

 

ผู้ถูกกล่าวหาในคดีสลายม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ตุลาคม 2551 

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

  • นายกรัฐมนตรีคนที่ 26
  • น้องเขยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ

  • รองนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น
  • อดีตผู้บัญชาการทหารบก
  • อดีตคนสนิทพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ หรืออดีตลูกป๋าเปรม

พล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว 

  • ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในเวลานั้น 

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 

  • ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น
  • น้องชายของ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ รัฐบาล คสช.
 


ย้อนที่มาชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 2551

     วิกฤตการเมืองไทยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาวนเวียนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้โค่นล้ม ‘ทักษิณ ชินวัตร’ รวมถึงทายาททางการเมือง

     โดยหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลสนับสนุน ‘นายสมัคร สุนทรเวช’ เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางกระแสนอมินี ‘ทักษิณ’ และข้อกังขาเรื่องการพยายามช่วยเหลืออดีตนายกฯ ให้หลุดคดีและกลับประเทศ

     กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเพิ่งประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณตัดสินใจกลับมาชุมนุมอีกครั้ง โดยนัดชุมนุมใหญ่ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 จนการชุมนุมยกระดับขึ้นเรื่อยๆ มีการบุกยึดสถานที่สำคัญของประเทศ ทั้งสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ รวมไปถึงทำเนียบรัฐบาล ในที่สุดนายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ เหตุเพราะรับจัดรายการโทรทัศน์

     กระทั่ง 17 กันยายน 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับการเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย เป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่บันทึกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไว้มากมาย

 

 

ตำนานนายกฯ ที่ไม่เคยเหยียบทำเนียบรัฐบาล

     นายสมชาย วงสวัสดิ์ อาจเป็นนายกรัฐมนตรีไม่กี่คนในโลกที่ไม่มีโอกาสฉลองกับตำแหน่ง อันเนื่องมาจากสถานการณ์การเมืองในเวลานั้นยังตึงเครียด กลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงปักหลักชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมชาย และยึดทำเนียบรัฐบาลไว้อย่างต่อเนื่อง

     รัฐบาลนายสมชายต้องอาศัยท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นทำเนียบชั่วคราว จนวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชนในข้อหาโกงการเลือกตั้งปี 2550 และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคพลังประชาชนและกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน จำนวน 37 คน เป็นเวลา 5 ปี ทำให้นายสมชาย ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังขึ้นดำรงตำแหน่งได้เพียง 75 วัน เป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาอันสั้นที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากพล.อ. สุจินดา คราประยูร (47 วัน) และนายทวี บุณยเกตุ (17 วัน)

 

ย้อนเหตุการณ์ 7 ตุลา 2551

     กลุ่มพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม เพื่อขัดขวางไม่ให้รัฐบาลนายสมชายแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งถือเป็นพิธีทางการเมืองที่สำคัญในการเริ่มต้นเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการ

     อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนายสมชายตัดสินใจสั่งสลายการชุมนุมเพื่อเปิดทางให้คณะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาเข้าไปประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายให้ได้

     ด้านบรรยากาศในห้องประชุมสภาเวลานั้นก็วุ่นวายไม่แพ้กัน เมื่อองค์ประชุมไม่ครบจนประธานต้องสั่งพักการประชุมเพื่อรอสมาชิก

     ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็คว่ำบาตรการแถลงนโยบายครั้งนั้น ด้านผู้ชุมนุมมีการตัดไฟ ทำให้สมาชิกรัฐสภาหลายคนตื่นตระหนก จะออกจากพื้นที่ก็ไม่ได้ ส่วนนายสมชายได้อ่านแถลงนโยบายอย่างรีบๆ และขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากรัฐสภาไป

     ช่วงเย็นวันเดียวกัน เกิดระเบิดรถยนต์หน้าพรรคชาติไทย ทำให้พ.ต.ท. เมธี ชาติมนตรี หรือ สารวัตรจ๊าบ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เสียชีวิต ส่วนการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมทำให้ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกรวม 381 ราย โดยหลายรายบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 11 นาย

     เหตุการณ์ดังกล่าวถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสมในการใช้อาวุธเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมว่าถูกต้องตามหลักสากลมากน้อยเพียงใด โดยพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

 

 

วลีดังการเมืองไทย ‘ม็อบมีเส้น’

     กลุ่มพันธมิตรฯ ในเวลานั้นถือเป็นกลุ่มที่มีพลังอย่างมาก เพราะไม่เพียงสามารถเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาลทักษิณได้เท่านั้น แต่ยังสามารถโค่นล้มรัฐบาลที่ถูกมองว่าเป็นนอมินีของนายทักษิณได้ถึงสองคน คือรัฐบาลนายสมัครและนายสมชาย

     อย่างไรก็ตามวลี ‘ม็อบมีเส้น’ มาจากพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระหว่างตอบกระทู้ถามสด ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 ว่า “ทุกคนทราบดีว่าพันธมิตรฯ ชุมนุมมา 6 เดือน และใช้เสรีภาพอย่างผิดกฎหมาย ทุกคนก็ทราบดีว่าม็อบนี้เป็นม็อบมีเส้น เพราะหากเป็นม็อบธรรมดา เรื่องจบไปนานแล้ว” โดยคำว่า ‘ม็อบมีเส้น’ ถูกสื่อมวลชนประจำรัฐสภาโหวตให้เป็นวาทะแห่งปี 2551

 

2 สิงหาคมนี้ ศาลนัดชี้ชะตา

     เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสมชายได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาตอนหนึ่งว่า ตนไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามที่ถูกกล่าวหา และไม่เคยคิดร้ายหรือเลือกปฏิบัติ

     เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม ในช่วงเกิดสถานการณ์ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และไม่ได้สั่งการใดๆ ทั้งสิ้น และหลังแถลงนโยบายเสร็จได้เดินไปกองบัญชาการกองทัพไทย ตนทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และรับราชการมาหลายปี  เป็นทั้งตุลาการ ฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ไม่เคยมุ่งร้ายต่อฝ่ายใด มีแต่ทำงานด้วยความประนีประนอม ซึ่งเกิดเหตุการณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ต้องดูแลประชาชนทุกคน ไม่คิดทำร้ายคนไทยด้วยกัน

     วันที่ 2 สิงหาคมนี้ ถือเป็นวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ย่อมส่งผลต่อทิศทางการเมืองไทยต่อจากนี้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากผลการตัดสินของศาลออกมาในทางลบแก่จำเลยก็จะถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ เพราะจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีและผู้นำระดับสูงถูกลงโทษจากการสลายการชุมนุม และจะเป็นมาตรฐานใหม่ในการตัดสินคดีในลักษณะเดียวกัน

FYI

13 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ..อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์

14 ตุลาคม 2551 ผู้แทนพระองค์นำเพลิงพระราชทานไปในพิธีพระราชทานเพลิงศพของ ... เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี

16 ตุลาคม 2551 พล.. อนุพงษ์ เผ่าจินดา นำผู้บัญชาการเหล่าทัพออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง 3 เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising