×

มวยไทยได้อะไรจากการชกโชว์ ‘เสี่ยโป้ อานนท์’ กับ ‘กง เมืองมิน’

26.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • แฟนหมัดมวยแห่เข้าชมมวยโชว์ไฟต์พิเศษระหว่าง ‘เสี่ยโป้ อานนท์’ กับ ‘กง เมืองมิน’ ที่ใช้สังเวียนลุมพินีเป็นสถานที่ชี้ชะตาของทั้งคู่ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลมีเดีย
  • อดีตนักมวยหลายคนได้ออกมาปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีของสนามมวยลุมพินี หนึ่งในเวทีที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และศักดิ์ศรีของนักมวยไทย ซึ่งต้องผ่านการฝึกฝนและการต่อสู้หลายไฟต์กว่าจะได้ขึ้นเวทีอันศักดิ์สิทธิ์นี้
  • มวยไทยมีพัฒนาการที่หลากหลายตลอดมา เพื่อปรับให้เป็นกีฬาสากลมากขึ้น แต่วันนี้มวยไทยอาชีพอาจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

     เสียงแฟนมวยจำนวนมหาศาลกระหึ่มขึ้นในเวทีมวยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเวทีที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย แต่เสียงเชียร์ครั้งนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากแฟนมวยที่เข้าชมการแข่งขันเป็นประจำ และเสียงเชียร์นี้ไม่ใช่เสียงเชียร์นักมวยไทยอาชีพที่ขึ้นชกเวทีมวยมาตรฐาน

     แต่เป็นเสียงเชียร์สำหรับมวยโชว์ไฟต์พิเศษระหว่าง ‘เสี่ยโป้ อานนท์’ กับ ‘กง เมืองมิน’ ที่ใช้สังเวียนลุมพินีเป็นที่ตัดสินความขัดแย้งที่เริ่มต้นมาจากโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีแฟนๆ ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง โดยผลการชกโชว์ครั้งนี้ออกมาเสมอกัน และมีการมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้กับมูลนิธิตามเจตนารมณ์ของไฟต์นี้

     กระแสของการชกโชว์ครั้งนี้ส่งผลให้เสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่งคือ ฝ่ายที่สนับสนุน และฝ่ายที่คัดค้าน

 

 

ปลุกกระแสมวยไทย?

     เริ่มจากฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการชกเกิดขึ้นนั้นให้เหตุผลว่า เพื่อปลุกกระแสมวยไทยให้ได้รับความนิยมจากคนนอกมากขึ้น และเป็นการจัดขึ้นเพื่อการกุศล รวมถึงยังเป็นการสร้างตัวอย่างให้คนที่มีปัญหากันมาตัดสินด้วยกีฬามวยแทนที่จะยกพวกตีกัน

     ผลคือวันนั้นมีแฟนกีฬาเดินทางเข้าชมการแข่งขันในสนามมวยลุมพินีอย่างหนาแน่น

     หลังการแข่งขัน THE STANDARD ได้สัมภาษณ์ผู้ชมหลายคน ซึ่งพวกเขาเปิดเผยว่าเป็นครั้งแรกที่เดินทางเข้าชมการแข่งขันในเวทีมวยมาตรฐาน เพราะต้องการชมไฟต์นี้

    รวมถึง น้ำ-รพีภัทร เอกพันธ์กุล นักแสดงชื่อดัง ยังได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเห็นด้วยกับการใช้เวทีมวยเป็นสถานที่ตัดสินปัญหา แทนที่จะไปตัดสินกันข้างนอกแบบผิดกฎหมาย

     “นานๆ ทีก็จะมีมวยคู่พิเศษที่ไม่ใช่นักมวยอาชีพที่มาต่อยกัน ก็มาดูว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะปกติผมจะดูมวยอยู่ที่บ้านมากกว่า

     “ผมว่าถ้ามีปัญหามาชกกันในสนามก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปมีเรื่องกันข้างนอก มีกติกาก็มาตกลงกัน ชกกันในสนามแบบลูกผู้ชาย ก็เป็นกีฬาของลูกผู้ชาย”

     ด้าน สร้อย มั่งมี ผู้สื่อข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ซึ่งติดตามรายงานข่าวแวดวงมวยตลอดมาเปิดเผยว่า ศึกในครั้งนี้ถึงแม้จะมีกระแสแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ทั้งแฟนมวยที่เห็นด้วย และอดีตนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงไม่เห็นด้วย แต่จากการชกในครั้งนี้ เราได้เห็นภาพแฟนมวยทั้งชายหญิงและเยาวชน ผู้สนใจจำนวนมากเดินทางเข้าชมการแข่งขัน ถือเป็นการปลุกกระแสเวทีลุมพินีซึ่งเงียบเหงามานานให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

 

 

ลดศักดิ์ศรีนักมวยและมวยไทย

     ขณะฝั่งผู้ไม่สนับสนุนนั้นมองว่าการใช้เวทีเป็นสถานที่ตัดสินความบาดหมางของคน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ใช่นักมวยนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการเลือกใช้เวทีที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างเวทีลุมพินี

     หนึ่งพิชิต ศิษย์ยอดธง อดีตแชมเปี้ยนมวยไทยเวทีลุมพินีได้โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อสนามมวยลุมพินีที่เปิดให้ไฟต์นี้เกิดขึ้นโดยไม่คำนึงถึงระเบียบ กฎเกณฑ์ หรือประเพณีดีๆ ของการขึ้นชกที่เวทีมวยแห่งนี้ เนื่องจากนักมวยทุกคนต่างต้องฝ่าฟันอย่างยากลำบาก กว่าจะได้รับโอกาสให้ขึ้นชกในฐานะนักมวยไทยที่เวทีลุมพินี เช่นเดียวกับ สุดสาคร ส.กลิ่นมี นักมวยไทยชื่อดัง มองว่าไม่เหมาะสมด้วยเหตุผลเดียวกัน  

 

 

นักวิชาการมองชกโชว์ไฟต์นี้ได้มากกว่าเสีย

     จากเสียงที่แตกออกเป็นสองฝั่งซึ่งต่างก็มีเหตุผลสนับสนุนความคิดของตนเอง ดร. ทิฆัมพร เอี่ยมเรไร อาจารย์ประจำภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และนักวิจัยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ที่ติดตามศึกษาพัฒนาการของมวยไทยตลอดมาเชื่อว่า มวยโชว์ครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อกีฬามวยไทยเป็นอย่างมาก

     โดยให้เหตุผลว่าการชกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนนั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าทั้ง ‘เสี่ยโป้ อานนท์’ หรือ ‘กง เมืองมิน’ ซึ่งถูกสังคมบางส่วนมองว่าเป็นนักเลง มีปัญหากันผ่านโลกโซเชียลตลอดมา ทำให้พวกเขากลายเป็นเซเลบริตี้ คนดัง ในโลกออนไลน์ที่มีผู้ติดตามมหาศาล และตามปกติการขายสินค้าออนไลน์ในไทยต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีการสนับสนุนให้ดาราหรือเซเลบริตี้ช่วยในการโฆษณา ซึ่งสำหรับพวกเขาทั้งสองคนก็ได้โฆษณาสินค้าที่เรียกว่า ‘มวยไทย’ แล้ว

     “ที่กล่าวว่าเป็นโฆษณานั้นมีหลายมิติในวันนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือสามารถเข้าถึงคนกลุ่มใหม่ที่ไม่เคยเข้าเวทีมวยไทยมาก่อนได้เข้าชมการแข่งขันในเวทีมาตรฐานจริงๆ อย่างลุมพินี ซึ่งประสบปัญหาแฟนมวยหลังจากย้ายจากพระราม 4 มาอยู่ที่หลักสี่ที่มีสภาพการจราจรติดขัด โดยศึกนี้มีราคาตั๋วเข้าชมชั้น 3 ประมาณ 350 บาท เก็บค่าเข้าชมในวันนั้นได้ถึง 863,500 บาท ซึ่งโดยปกติไฟต์ในวันศุกร์ที่มีแข่งขันกันหลายเวที ยังไม่สามารถเก็บค่าเข้าชมได้สูงขนาดนี้

     “ต่อมาคือในการขึ้นชกโชว์ครั้งนี้ ถึงแม้ว่าผลที่ออกมาจะเสมอกัน แต่ กง เมืองมิน ซึ่งเป็นอดีตนักมวยไทยก็ได้แสดงฝีมือให้เห็นถึงความเหนือกว่าอย่างชัดเจน แม้ เสี่ยโป้ อานนท์ จะมีรูปร่างที่ใหญ่กว่า ซึ่งเป็นการโฆษณาไปในตัวว่า หากคุณมีปัญหาชกต่อยกัน คนที่เป็นมวยไทยก็ย่อมได้เปรียบกว่า ซึ่งการเรียนมวยไทยก็ต้องผ่านการฝึกฝน ต้องมีครู และมีระเบียบวินัย ซึ่งก็เป็นการสอนเยาวชนได้อีกหนึ่งช่องทางด้วย

     “ในส่วนของสังคมที่วิจารณ์บุคคลเหล่านี้ที่ยกพวกตีกัน วันนี้พวกเขาได้ยอมเข้ามาอยู่ในกติกาของสังคมด้วยการขึ้นเวทีชกตามกติกาของ MMA โดยล้มห้ามซ้ำ และมีกรรมการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และทุกคนต่างยอมรับด้วยการซื้อตั๋ว ซึ่งถือเป็นการดึงคนที่อยู่นอกกฎหมายให้มาอยู่ในกฎเกณฑ์ของสังคมที่ทุกคนยอมรับ”

     นอกจากนี้ ดร. ทิฆัมพร ยังมองว่าการที่มวยไทยเชิงอนุรักษ์ปัจจุบันมีคนช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ซึ่งทางฝ่ายผู้จัดก็ได้ระบุชัดเจนว่า ไม่ใช่กติกาของมวยไทยตามมาตรฐาน แต่เป็นการชกโชว์เพื่อการกุศล และเพื่อนักท่องเที่ยว รวมถึงแฟนคลับของทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นการชกกันแบบ 4 นาที 1 ยก ของทั้งคู่ก็ไม่ได้ถูกชี้วัดด้วย ชื่อเสียงของศิลปะมวยไทยอยู่แล้ว รวมถึงยังมองว่าคนที่เคยปลุกกระแสวิกแตกด้วยมวยย้อนยุคอย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิก วัย 44 ปี ซึ่งเคยขึ้นชกกับ ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน ที่เวทีมวยราชดำเนิน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 ก็มาเข้าชมการแข่งขันไฟต์นี้ ซึ่งเวลานี้ก็ยังไม่ได้ออกมาวิจารณ์ไฟต์นี้แต่อย่างใด

 

 

มวยไทยกับโจทย์ที่ต้องคิด

     มวยไทยก้าวขึ้นเป็นศิลปะที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากมีการปรับตัวตลอดมา ตั้งแต่การขึ้นชกบนเวทีสี่เหลี่ยมผืนผ้า เริ่มสวมนวม และห้ามไม่ให้มีการเฮดบัด เพื่อให้กีฬาเข้าถึงผู้คนทั่วไปที่ต้องการฝึกฝนเพื่อสุขภาพที่ดีมากกว่าการขึ้นชกจริง รวมถึงยกระดับกีฬาให้มีความเป็นสากลมากขึ้น มาถึงวันนี้ที่วงการมวยไทยอาชีพ โดยเฉพาะเวทีมาตรฐานอย่างลุมพินีกำลังประสบปัญหาด้วยสถานที่ และการแข่งขันถ่ายทอดสดมวยไทยผ่านทีวีดิจิทัล หรือที่คนมวยเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า ‘มวยตู้’ ทำให้ยอดคนดูน้อยลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในวันนี้เราได้เห็นแฟนมวยที่ไม่ใช่ขาประจำเดินทางเข้าชมไฟต์นี้กันอย่างแน่นสนาม ก็เป็นสัญญาณบอกอะไรบางอย่าง

     วงการมวยไทยอาจจะพบทางออกของปัญหา หรือพาตัวเองถลำลึกเข้าสู่ปัญหามากขึ้น

     วันนี้ยังคงเป็นโจทย์ที่สังคมต้องร่วมให้คำตอบ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising