×

ทุก High Notes มีความเจ็บปวด สัมผัสเบื้องลึกความรู้สึกและความคิดที่ ‘นิว-จิ๋ว’ ซ่อนไว้

07.02.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS READ
  • นิว-จิ๋ว ดิว่าดูโอแถวหน้าของเมืองไทย เพิ่งปล่อยผลงานใหม่ที่ต่างคนต่างทำ ไร้เงาเพื่อนซี้เคียงข้างออกมา ซึ่งพวกเธอเรียกโปรเจกต์นี้ว่า ‘NJ Solo Project’ หมายถึงทั้งคู่ต่างแยกกันทำงานโดยสิ้นเชิง
  • นิว นภัสสร บอกกับเราว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับอาการไซนัสนี้มา 1 ปีเต็มแล้ว ซึ่งอาการเหล่านั้นก็ส่งผลกระทบกับการใช้เสียงของเธออย่างมาก รวมไปถึงชีวิตส่วนตัวที่เปลี่ยนไปอีกด้วย และในบทสัมภาษณ์นี้นับเป็นครั้งแรกที่เธอเล่าถึงอาการป่วยอย่างละเอียดที่สุดกับสื่อ
  • ในมุมมองของ จิ๋ว ปิยนุช เธอไม่ได้คิดว่าการร้องเพลงด้วย High Notes (โน้ตสูง) เหล่านั้นจะสามารถซื้อใจคนดูได้ เธอคิดว่ามันคือความท้าทายที่อยากทำให้ได้มากกว่า และเธอคิดย้อนกลับมาเสมอว่าจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกอยากได้ยินได้ฟังเสียงของเธอบ่อยๆ

เป็นเวลากว่า 16 ปีที่สองสาวดิว่า นิว-นภัสสร ภูธรใจ และ จิ๋ว-ปิยนุช เสือจงพรู กรุยกรายแสดงศักยภาพทางการร้องเพลงในอุตสาหกรรมดนตรีไทย ทั้งสองต่างพิสูจน์ฝีมือตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้คนฟังยอมรับว่าพวกเธอควรค่ามากพอแก่การเป็นศิลปินหญิงแถวหน้าของเมืองไทย และแน่นอนว่าตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ถ้าจะให้พูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นเพียงระยะเวลาแค่ 8 ปีหลังเท่านั้นที่พวกเธอโด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากเพลง อย่าเอาความเหงามาลงที่ฉัน, รอแล้วได้อะไร จากอัลบั้ม Next Step (2554) หรือเพลงที่จดไว้ว่าเป็นมาสเตอร์พีซชิ้นสำคัญของพวกเธอ นั่นคือ ไม่รัก…ไม่ต้อง จากอัลบั้ม Signature (2555)

 

ในช่วงเวลานี้ที่ดูเหมือนว่ากราฟความนิยมของพวกเธอกำลังอยู่ตัว ไม่ได้โดดเด่นหรือหายจ๋อย พวกเธอก็ยังคงทำเพลงออกมาอีกเรื่อยๆ อย่างเช่นอัลบั้มล่าสุดที่เพิ่งวางแผงไปเมื่อปี 2560 ที่ชื่อ Relation หรือเพลง เสียงสะท้อน ในโปรเจกต์ HER ที่ปล่อยให้ฟังเมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ล่าสุดพวกเธอเพิ่งจะปล่อยเพลงใหม่ออกมาสองเพลง สองรสชาติ แต่ที่พิเศษคือนิว-จิ๋วแตกแยกยี่ห้อ พะแบรนด์เดี่ยวของตัวเองไว้คนละหนึ่งเพลง โดยเพลงที่ใช้ชื่อว่า คนเดิม เป็นเพลงของนิว นภัสสร และ เกลียดความรัก เป็นเพลงเดี่ยวของจิ๋ว ปิยนุช

 

 

อย่างที่เราทราบกันดีว่าคำว่า ‘ดิว่า’ ที่พวกเธอได้รับการนิยามจากคนฟังนั้นมาจากประสบการณ์การแสดงสดที่ยอดเยี่ยม เทคนิคแพรวพราว หรือการฮิตโน้ตยากๆ แบบที่ศิลปินหญิงฝั่งตะวันตกต่างปฏิบัติกันและเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลกทั้ง มารายห์ แครีย์, คริสตินา อากีเลรา หรือรุ่นใหม่ๆ อย่างเจสซี เจ และอะรีอานา กรานเด เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้คือเบื้องลึกเบื้องหลังของคำว่าดิว่าของนิว-จิ๋ว ทุกการฮิต High Notes หรือ Run Note ที่ไหลลื่นเป็นสายน้ำของพวกเธอต่างฉาบเคลือบไว้ด้วยความเจ็บปวดบางอย่างที่ส่งผลมาจากสุขภาพ ทั้งยังเต็มไปด้วยความคาดหวังจากผู้ฟัง รวมไปถึงการท้าทายความสามารถในมิติใหม่ๆ ของพวกเธอเอง

 

ในครั้งนี้ THE STANDARD POP ขอพาคุณไปสัมผัสเบื้องลึกของพวกเธอทั้งสองอีกครั้ง ในวันที่ต่างคนต่างทำงาน แต่ยังคงเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม แน่นอนว่าหลายๆ คำถามที่เราตั้งข้อสงสัยกับพวกเธอล้วนเป็นเรื่องที่ทั้งนิวและจิ๋วยังไม่เคยคุยกับใครมาก่อน

 

ภาพจากมิวสิกวิดีโอ เกลียดความรัก ของจิ๋ว ปิยนุช

 

เราได้ฟังเพลง คนเดิม และเพลง เกลียดความรัก แล้ว ต้องสารภาพว่าชอบมากจริงๆ กับการดีไซน์งานใหม่ๆ ของนิว-จิ๋วในครั้งนี้ พวกคุณมีแรงบันดาลใจหรือเสียงในหัวบางอย่างที่ถูกนำมาใช้เป็นต้นแบบในการทำงานชิ้นนี้หรือเปล่า

นิว: จริงๆ ในงานของนิว นิวก็ใช้เพลงที่อ้างอิงมาจากศิลปินต่างชาติที่ประสบความสำเร็จค่ะ แต่ทีนี้นิวก็ต้องดูศักยภาพของเราเองก่อนว่าเราสามารถทำงานนี้ไปได้ถึงไหนบ้าง เอาแค่เพียงกลิ่นๆ หรือความรู้สึกมาประกอบ อย่างเพลงของบียอนเซ่ หรือ  Boyz II Men ซึ่งเป็นสิ่งที่นิวอยากทำมานานแล้ว จึงออกมาเป็นเพลงอาร์แอนด์บีแบบนี้ค่ะ

 

จิ๋ว: ของจิ๋วก็คล้ายๆ กันค่ะ มีเรเฟอเรนซ์เป็นเพลงในโทนๆ เดียวกันกับที่ปล่อยออกไป ซึ่งเป็นแนวที่เราอยากทำมาก เพราะมันเป็นบีตและอารมณ์ที่เราไม่ได้ทำบ่อยๆ แน่นอน ส่วนตัวจิ๋วชอบฟังเพลงที่มันเท่ๆ ดิบๆ เพราะรู้สึกว่าเวลาร้องแล้วมันสะใจ และเราอยากได้คาแรกเตอร์แบบนี้บ้าง เราก็พยายามบรีฟทุกอย่าง มีอะไรในหัวก็จะรีบส่งไปบอกพี่แม็ค (แม็ค-ศรัณย์ วงศ์น้อย โปรดิวเซอร์เพลง เกลียดความรัก) จิ๋วอยากได้แบบนี้ อยากได้ซาวด์อ้วนๆ เบสอ้วนๆ เราอยากได้คอรัสไลน์แบบนี้ ซึ่งชัดมากหน่อยก็จะเป็นอะรีอานา กรานเด แต่เราไม่ได้อยากก๊อบปี้เขานะ แต่เพลงของเขาคือลายเซ็นใหม่ที่เราฟังแล้วรู้สึกว้าว ก็เลยเก็บเกี่ยวที่เราชอบมาทำเพื่อเป็นทางใหม่ของเรา

 

โดยปกตินิว-จิ๋วมีเพลงเดี่ยวเป็นของตัวเองอยู่แล้วในอัลบั้ม แต่เท่ากับว่าครั้งนี้เป็นการแยกกันทำงานครั้งแรกอย่างเป็นทางการ

จิ๋ว: ใช่ค่ะ ปกติเราจะรู้จักเพลงของกันและกัน แต่นี่คือเราไม่รู้อะไรกันเลย

 

นิว: จะให้ร้องยังร้องไม่ได้เลย (หัวเราะ)

 

จิ๋ว: แต่ฉันร้องเพลงเธอได้แล้วนะ (หัวเราะ) จิ๋วเดาว่าผู้ใหญ่ทางค่ายก็อยากลองทำดู เหมือนตอนที่เราทั้งคู่แยกกันไปแข่งในรายการ The Mask Singer คนที่ไม่เคยเห็นสองคนนี้แยกกัน พอได้รู้จักตัวตนของนิวคนเดียวหรือตัวตนของจิ๋วเดี่ยวๆ พวกเขาก็คงมองเห็นในศักยภาพอื่นๆ ที่พวกเรามี และน่าจะสนุกดีที่ได้ทำโปรเจกต์นี้ให้เกิดขึ้นจริง

 

ภาพจากมิวสิกวิดีโอ คนเดิม ของนิว นภัสสร

 

แต่ต้องยอมรับว่ามันสดใหม่จริงๆ กับสองเพลงใหม่นี้ มีอะไรที่พวกคุณต้องปรับตัวเป็นพิเศษหรือไม่ อย่างเช่นเพลงของนิวเองก็มีเมโลดี้ที่มีความเป็นนีโอโซลอยู่ และมันน่าสนใจมาก

นิว: จริงๆ ก็จะมีเทคนิคการร้องแบบลมๆ และการร้องโน้ตสูงๆ ที่แอ้มไกด์มาให้ (แอ้ม-อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ โปรดิวเซอร์เพลง คนเดิม) แอ้มก็บอกว่าตัวแอ้มอินมาก พี่นิวต้องร้องด้วยเสียงเซ็กซี่มากๆ นะ (หัวเราะ) เราก็เซ็กซี่อีก เข้าไปอีก วันนั้นที่อัดก็แทบจะลมจับ เพราะต้องใช้ลมเยอะมาก บวกกับอารมณ์ด้วยค่ะ

 

ส่วนของจิ๋ว เราเองก็เซอร์ไพรส์กับซาวด์ที่แปลกหูและวิธีการร้องที่หนักแน่นอย่างน่าสนใจ และเราตื่นเต้นกับท่อนบริดจ์ของเพลงนี้มากที่คล้ายๆ จะเป็นการร้องรัวๆ กึ่งจะแรป

จิ๋ว: จิ๋วอัดเพลงนี้ 2 วันค่ะ วันแรกไปทำโทนของเสียงที่เราต้องการ ซึ่งในเดโมแรกที่มาถึงมันจะเป็นโทนที่สูงกว่านี้ แต่เรารู้สึกว่าเราชอบให้มีโทนต่ำๆ ในเพลง ส่วนท่อนบริดจ์ที่พูดถึงว่าเหมือนร้องรัวๆ แรปๆ เราอยากมีท่อนแบบนั้นเองแหละ เราเป็นคนขอเอง (หัวเราะ) เพราะเราอยากได้อะไรที่มันต่าง หรืออย่างไฮไลต์ในท่อนแอดลิบก็ดีไซน์ออกมาให้มันไม่เกินเพลง เพราะก็ต้องรับฟังในมุมโปรดิวเซอร์ด้วยว่าเขาไม่อยากให้เพลงมันหลุดไปเป็นการโชว์ทางร้อง มันไม่น่าเหมาะกับเทรนด์เพลงตอนนี้ ถ้าคนฟังอยากฟังความหวือหวาก็ไว้ฟังตอนร้องสดดีกว่า

 

 

ความคาดหวังของผู้ฟังมักคิดว่าการเป็นดิว่าคือการที่พวกคุณจะต้องแสดงศักยภาพในระดับสูง มีโน้ตที่หวือหวา หรือโชว์พลังเสียงให้คนฟังได้ขนลุกในทุกๆ ครั้งที่แสดง คุณเห็นด้วยหรือไม่

จิ๋ว: ในมุมมองของจิ๋ว เราก็ไม่ได้คิดว่าการขึ้นเสียงสูงๆ ฮิต High Notes ขึ้นไปมันจะสามารถซื้อใจคนดูได้นะ เราไม่ได้คิดแบบนั้น เราคิดว่ามันคือความท้าทายที่เราอยากทำมากกว่า การได้ท้าทายตัวเอง ทำอะไรที่มันยากขึ้น และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แล้วเราก็ไม่ได้มองว่าทุกเพลงที่เราร้องจะต้องอาละวาดแบบที่เดินออกมาร้องพุ่งเสียงสูงปรี๊ด แล้วถามคนดูว่า “เป็นไงคะ แม่มาแล้ว แม่จะฟาด” (หัวเราะ) เราว่ามุมนั้นมันจะไม่ใช่เพลงแล้ว ต้องย้อนกลับมาว่าเราจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกอยากได้ยินได้ฟังเสียงของเราบ่อยๆ ให้มันมีมิติที่กลมกล่อม เป็นความรู้สึกจริงๆ ที่ส่งออกไป ไม่ปลอม

 

นิว: เราคิดว่าเราร้องเพลงได้ดีมากกว่า ไม่ได้ร้องเพลงเก่งมาก แต่บังเอิญจังหวะมันได้เพลงนั้นมา เพลงที่ได้ร้องในหลายๆ โทน หรือร้องแบบได้ใช้ศักยภาพในหลายๆ เทคนิค พอเราร้องปุ๊บ เพลงมันไพเราะ เพลงมันดัง คนก็เลยชอบ และทุกคนก็จะเข้าใจว่า อ๋อ นิว-จิ๋วร้องเพลงเก่ง นิวคิดว่ามันเป็นขั้นตอนแบบนี้

 

จิ๋ว: จิ๋วไม่ได้มองว่าเราทั้งคู่เก่งกาจนะ แต่เราชอบเรียนรู้ ชอบเก็บสเกลการร้องของนักร้องแต่ละคน ชอบคาแรกเตอร์การร้องแบบนี้แบบนั้น ซึ่งบางทีเราก็ต้องก๊อบปี้ก่อนเพื่อเรียนรู้ แล้วค่อยนำมาปรับกับการร้องและงานของเรา หาความพอดี เราไม่ใช่สายชอบโชว์นะ จิ๋วคิดว่ามันมาโดยธรรมชาติมากกว่า แต่จิ๋วก็ต้องขอบคุณแฟนเพลงนะที่ถูกใจสิ่งนี้ มันกลายเป็นสิ่งที่คนฟังเพลงของเรารอคอย และเราก็พยายามรักษามาตรฐานเหมือนกัน ซึ่งมันก็ไม่ง่าย

 

 

อย่างที่บอกว่าการรักษามาตรฐานการร้องนั้นไม่ง่าย เพราะเพลงของพวกคุณก็ไม่ใช่ว่าจะร้องง่ายๆ หรือทั้งหมดนี้อาจเป็นเพราะการทำงานอย่างหนักของคุณทั้งคู่ รวมไปถึงอาการป่วยของนิวเองด้วยหรือเปล่า

นิว: สำหรับนิวเอง นิวอยู่กับอาการไซนัสนี้มา 1 ปีเต็มๆ แล้วค่ะ เราเองก็งงเหมือนกันว่ามันเป็นไปได้ยังไง ซึ่งตอนแรกนึกว่าเป็นหวัด หลังจากนั้นเราก็คิดว่า เอ๊ะ หรือเราแพ้แมว แพ้อาหารอะไรหรือเปล่า อาการของนิวก็คืออยู่ดีๆ เสียงมันก็อู้อี้เหมือนก้องอยู่ในจมูก และช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราต้องเข้าห้องอัดอัลบั้มที่ 5 พอดี ถ้ากลับไปฟังจะรู้เลยว่ามันมีหลายๆ เพลงมากที่เสียงนิวยังอู้อี้ๆ อยู่เลย

 

เหมือนกับเราไม่เคยได้ยินนิวพูดเรื่องนี้กับสื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียวเกี่ยวกับอาการป่วยของตัวเอง

นิว: ใช่ค่ะ ครั้งแรกเลย ในช่วงที่ป่วย นิวเสียทั้งค่ายา เสียเวลา เสียอะไรเยอะมากกับอาการป่วยนี้ ส่งผลกระทบไปหมด เพราะแทนที่เราจะได้เอาเงินพวกนี้มาซื้อของกินดีๆ หรือไปเที่ยวก็ได้ กลายเป็นว่าต้องนอนนิ่งๆ อยู่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องหันกลับมาดูแลตัวเองแล้วล่ะ มันกำลังส่งสัญญาณบอกเราว่าร่างกายเรามันไม่เหมือนเดิมแล้วนะ

 

หนทางการดูแลรักษาตัวเองของนิวในช่วงนี้เป็นอย่างไร และมันส่งผลกระทบมากแค่ไหนกับเสียงของคุณ

นิว: ก็ยังต้องหาหมออยู่ตลอด อัปเดตอาการไปเรื่อยๆ มันไม่หายขาดค่ะ อย่างถ้านิวไปเจออากาศหนาวๆ ก็ออกอาการ นอนน้อยก็เป็น ซึ่งหมอคาดเดาว่าอาการนี้เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเราที่ล้างจมูก เราคิดว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือคือสะอาดที่สุด แต่ถ้าล้างผิดปุ๊บ มันก็เข้าไปค้างอยู่ข้างใน ไม่มีที่ออก มันเลยอักเสบ โรคนี้เป็นโรคที่นักร้องไม่ควรจะเป็น บางทีเราเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเพราะกินข้าวไม่เป็นเวลา มันก็ยังไม่ได้เกี่ยวกับเส้นเสียงไง แต่นี่มันเกี่ยวโดยตรงเลย ไม่สามารถบิดไปทางไหนได้เลย ไม่ว่าจะยังไงมันก็จะได้ยินความก้องนั้น ความอู้อี้นั้น และมันคือเครื่องมือทำมาหากินของเราด้วย

 

 

ในฐานะคนที่ใช้เสียงมาตลอด เราอยากรู้ว่าคุณเคยมีความคิดสักนิดหรือไม่ว่าสักวันเสียงของคุณมันจะเปลี่ยนไปหรือไม่เหมือนเดิม

จิ๋ว: ในเรื่องการร้องเพลง จริงๆ มันเป็นเรื่องที่นักร้องจะรู้ว่าวันนี้ตัวเองเต็มร้อยหรือเปล่า มันมีปัจจัยทั้งการที่เราพักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า หรือดีเทลต่างๆ ในชีวิตจริงของการทำงาน มันมีอยู่เสมอแหละที่พอเราร้องจริงๆ แล้วคนจะรู้สึกว่าเสียงเรามันไม่เหมือนเดิม แต่ในมุมของจิ๋วเราก็จะต้องทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในสภาพร่างกายแบบไหน บางทีเราอยู่อากาศหนาวมาก หรือเจอควันบนเวทีแป๊บเดียวแล้วอยู่ดีๆ เสียงเราเปลี่ยน เราก็ไม่สามารถมายืนอธิบายได้หรอกว่าวันนี้แพ้ควัน หรือวันนี้ร่างกายเราไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ ซึ่งล้านเปอร์เซ็นต์ของนักร้องทุกคนจะต้องรู้ว่าวันนี้สภาพร่างกายตัวเองเป็นอย่างไร ต่อให้คนฟังไม่รู้ แต่ตัวเราเองจะรู้ว่ามันไม่ร้อยจริงๆ

 

นิว: เคยบังคับตัวเองให้นอนก่อนเที่ยงคืน ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ (หัวเราะ) เราทำงานดึก กว่าจะมาถึงบ้าน หิวไหม ถ้าหิวก็ต้องกิน ถ้าตัวเหม็นก็ต้องสระผมอีก ผู้หญิงเป็นเพศที่ดีเทลเยอะ

 

จิ๋ว: บางสถานที่ที่เราเจอควันเยอะๆ เราก็ถามตัวเองนะว่าเราจะไหวกับทุกอีเวนต์ของงานแบบนี้หรือเปล่า เราต้องรักษาและดูแล เพราะถ้าเสียงมันไปไกลเกินกว่าที่เราจะสามารถคอนโทรลได้มันก็ยากเหมือนกัน บางมุมมันก็สู้ไหว เพราะเรารู้ว่าจะต้องใช้ร่างกายกับการทำงาน แต่ต่อให้ป่วยเราก็ต้องแสดง ส่งออกพลังงานออกไปให้ได้ดีที่สุด

 

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณยังสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการนี้ได้

นิว: นิวว่าความโชคดีคือผู้ใหญ่ยินยอมให้เราได้เลือกอะไรใหม่ๆ เขาจะไม่มีการมาถามว่าแบบนี้ผิดทางนิว-จิ๋วหรือเปล่า เหมือนเราเองก็อยากทำนั่นทำนี่ใหม่ๆ อยู่เสมอ พยายามที่จะไม่วนอยู่ในลูปเดิม เราเพียงแค่ก้าวออกจากเซฟโซนของเรา สร้างงานใหม่ๆ เพื่อเรียกศรัทธาของแฟนเพลงว่าเราจะยังร้องเพลงให้เขาฟังได้ต่อไป

 

จิ๋ว: จริงๆ เราก็โตมาจากสูตรเพลงรูปแบบหนึ่งที่มันฮิต มันดี จนวันนี้มันกลายเป็นสิ่งที่อยู่เท่าเดิม แต่ไม่ได้บอกว่าที่ผ่านมาไม่ดี แต่เราคิดว่าเราจะก้าวไปตรงไหนก็ได้แล้วสำหรับในแง่ดนตรี เราสามารถไปโผล่ในมุมดนตรีไหนก็ได้ เราได้โตขึ้น และเราไม่จำเป็นต้องร้องเพลงแค่แนวนี้แนวเดียวอีกต่อไปแล้ว

 

นิว: จริงๆ ก็ต้องรวมไปถึงวิธีการโชว์ด้วย คนดูสนุกฟัง สนุกเต้น เราก็ได้มีศรัทธาจากแฟนๆ มาเรื่อยๆ และเราต้องมีนักแต่งเพลงใหม่ๆ มาซัพพอร์ต เราอยากจะสนุกกับการทำงานกับคนใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถทำงานกับโปรดิวเซอร์ที่เราคุ้นเคยด้วยสีสันใหม่ๆ ซาวด์ใหม่ๆ ได้เช่นกัน

 

จิ๋ว: จิ๋วก็ไม่ได้มองว่าเราเก๋าขนาดนั้นเสียทีเดียว เรารู้สึกว่าเราสามารถเกาะไปกับสิ่งใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ลื่นไหลไปตามจังหวะได้ มีความฉูดฉาดในเพลง และการปรับตัวของเรานี่แหละที่จะทำให้เรายังคงยืนหยัดอยู่ได้

 

 

เหตุผลอะไรที่ยังทำให้คุณยังอยากร้องเพลงต่อไป และพร้อมต่อสู้กับสมรภูมิอุตสาหกรรมดนตรีไทยในทุกวันนี้

จิ๋ว: จิ๋วยังรักการร้องเพลงอยู่ เหตุผลมีเท่านั้นจริงๆ เลย และปัญหาสุขภาพ ปัจจัยภายนอกต่างๆ ในการทำงานที่ทุกคนเจอไม่ต่างกัน แต่เราถือว่าเรามีแรงขับเคลื่อน มีกำลังใจ และโอกาสที่ดี เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะที่จะทำโอกาสที่ใครๆ ให้มาให้มันดีที่สุดทุกครั้ง

นิว: ถ้าเปรียบว่าเราเป็นทหารหรือนักรบ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนอกจากจะเป็นทหารที่เก่งกาจ มีอาวุธที่ดี แต่เราต้องแข็งแกร่งให้มากๆ เพื่อยืนอยู่บนสมรภูมินี้ ในเมื่อเรายังมีโอกาสที่ดีก็จงทำมันให้ดีที่สุด

FYI

 

 

  • นิวจิ๋วแยกกันทำผลงานเดี่ยวใน NJ Solo Project ของพวกเธอทั้งสองคน โดย นิว นภัสสร นำเสนอเพลง ‘คนเดิม’ บทเพลงหวานๆ ในสไตล์อาร์แอนด์บียุค 90s ที่เธอชอบ พร้อมด้วยเทคนิคลมๆ ที่น่าฟังของเธอ เพลงนี้น่าจะไปนั่งอยู่ในหัวใจของคุณได้ไม่ยาก
  • ส่วนใครที่ชอบความเกรี้ยวกราด จิ๋ว ปิยนุช ก็นำเสนอโปรเจกต์เดี่ยวของเธอในเพลง ‘เกลียดความรัก’ เพลงอาร์แอนด์บีจังหวะมีเดียมที่มีความอ่อนไหวและดุดันอยู่ในเพลงเดียวกัน จิ๋วเลยเลือกใช้เสียงเชสโทนเป็นหลักเพื่อให้เกิดความดิบและหนักแน่น
  • กดฟังเพลงทั้งสองเพลงนี้ได้ทาง LINE TV หรือฟังพร้อมกันบนสตรีมมิง วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising