ภัยพิบัติทางธรรมชาติคร่าชีวิตพลเมืองโลกไปเกือบครึ่งล้านราย ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

จากการประเมินล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พบว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้คร่าชีวิตพลเมืองโลกไปเกือบครึ่งล้านราย (ราว 4.8 แสนราย) นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดยมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาที่อาจขาดเงินทุนเยียวยาฟื้นฟู หลายประเทศประสบปัญหาไม่สามารถฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันได้ทัน ก่อนที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติระลอกใหม่จะมาถึง

จากการประชุม Climate Adaptation Summit ที่จัดขึ้นด้วยการใช้ระบบ Virtual เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อ 25 มกราคมที่ผ่านมา หนึ่งในกลุ่ม Think Tank อย่าง Germanwatch คำนวณและคาดการณ์ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในศตวรรษนี้ อาจมีมูลค่าสูงถึง 2.56 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้ว โดยมีภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่า 1.1 หมื่นเหตุการณ์ ซึ่งเปอร์โตริโก เมียนมา และเฮติ เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่เผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 นี้

ภายใต้ความตกลงปารีส เมื่อปี 2015 ประเทศที่พัฒนาแล้วต่างเห็นชอบที่จะสนับสนุนเงินทุนช่วยเหลือราว 1 แสนล้านดอลลาร์เป็นประจำทุกปี เพื่อช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาต่างๆ รับมือและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก แต่งานวิจัยเมื่อไม่นานที่ผ่านมาพบว่า เงินทุนช่วยเหลือดังกล่าวน้อยมากๆ จากที่เคยคุยกันไว้ โดยรายงาน Adaptation Gap Report ล่าสุดของ UNEP คาดการณ์ว่า มูลค่าที่จะใช้ในการปรับตัวและรับมือกับผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อนอาจสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 และสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ ภายในช่วงกลางศตวรรษที่ 21

บทความที่เกี่ยวข้อง: