Radio Free Asia รายงานโดยอ้างข้อมูลจากประชาชนในเมียนมาว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้เริ่มต้นการบังคับเกณฑ์พลเรือนชายอายุไม่เกิน 65 ปี ซึ่งรวมถึงผู้พิการ ในพื้นที่กรุงเนปิดอว์ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ อิรวดี และรัฐกะเหรี่ยงทางตะวันออก เพื่อเข้าเป็นทหาร และทำหน้าที่ปกป้องหมู่บ้านและเมืองต่างๆ จากกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ซึ่งรวมถึงกองกำลังชาติพันธุ์ติดอาวุธ
การบังคับเกณฑ์ทหารดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความถดถอยของกองทัพเมียนมาที่พ่ายแพ้และเสียพื้นที่ปกครองหลายแห่งให้แก่กองกำลังชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
โดยหนึ่งในผู้ให้ข้อมูลเผยว่า ในหลายเขตของภูมิภาคอิรวดี ผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 35-65 ปี ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ โดยพวกเขาจะถูกเกณฑ์เข้าทำหน้าที่ในหน่วยอาสาสมัครท้องถิ่น และจะต้องจับสลากเพื่อเข้าร่วมในกองกำลังความมั่นคงสาธารณะ
ในบางหมู่บ้าน เช่น หมู่บ้าน Yae Kyi มีรายงานว่ารัฐบาลทหารได้บังคับเกณฑ์ผู้พิการเข้าร่วมกองกำลังดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้ที่ไม่ต้องการเกณฑ์ทหารจะต้องจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่
ติดอาวุธพลเรือน หวั่นนองเลือดมากขึ้น
การบังคับเกณฑ์ทหารดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่าง พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร กับเจ้าหน้าที่ในภูมิภาคมัณฑะเลย์ตอนกลาง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดย พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เรียกร้องให้ประชาชนเข้าร่วมกองกำลังความมั่นคงสาธารณะ เพื่อรักษาเสถียรภาพและหลักนิติธรรมของประเทศ
สำหรับผู้ที่ถูกเกณฑ์เข้าร่วมกองกำลังชุดใหม่นี้จะได้รับการติดอาวุธและรับหน้าที่ปกป้องเขตชุมชน หลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการกลางความมั่นคงของประชาชนและการต่อต้านก่อการร้าย (People’s Security and Counter-Terrorism Central Committee) เมื่อเดือนที่แล้ว
นักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลทหาร ซึ่งตีความง่ายๆ คือการติดอาวุธพลเรือนให้ต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านนั้น จะยิ่งนำไปสู่การนองเลือดเพิ่มขึ้น มากกว่าที่จะทำให้เกิดความมั่นคง
โดยคณะกรรมการจะแจกจ่ายอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ ตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ขัดแย้ง ตลอดจนจัดหาอาหาร และดำเนินการฝึกอบรมการสู้รบและการแพทย์
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีหน้าที่ในการขยายกำลังพลและคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญที่สามารถใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงอีกด้วย
ภาพ: Hkun Lat / Getty Images
อ้างอิง: