ศาลพิพากษาเมียนมาตัดสินโทษจำคุก 11 ปี แก่ แดนนี เฟนสเตอร์ นักข่าวชาวอเมริกันวัย 37 ปี และบรรณาธิการอำนวยการของนิตยสารข่าวภาษาอังกฤษ Frontier Myanmar ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ละเมิดกฎหมายคนเข้าเมือง และเข้าร่วมการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยทนายความของเฟนสเตอร์ และ Frontier Myanmar ชี้ว่าคำตัดสินของศาลเมียนมากำหนดบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ข้อกฎหมาย ซึ่งเฟนสเตอร์ถือเป็นนักข่าวชาวตะวันตกคนแรกที่ถูกตัดสินจำคุกในเมียนมาในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ขณะที่ โทมัส คีน บรรณาธิการบริหารของ Frontier Myanmar วิจารณ์คำตัดสินในข้อหาดังกล่าวว่าเป็นการตัดสินโดยไร้ซึ่งหลักฐาน และต้องการให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวเฟนสเตอร์กลับไปหาครอบครัวโดยเร็ว
“ไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอนที่จะตัดสินโทษเฟนสเตอร์ในข้อกล่าวหาเหล่านี้ ทุกคนที่ Frontier Myanmar ผิดหวังและไม่พอใจกับคำตัดสินนี้ เราแค่ต้องการเห็นเฟนสเตอร์ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัวของเขา” คีนกล่าว
ที่ผ่านมา การไต่สวนคดีของเฟนสเตอร์ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ และโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ซึ่งคำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีรายงานว่าทางการเมียนมาได้เพิ่มข้อหาปลุกระดมและก่อการร้ายแก่เฟนสเตอร์ ที่มีโทษสูงสุดถึงจำคุก 20 ปี โดยทางการเมียนมาไม่มีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ในการตั้งข้อหา
เฟนสเตอร์ ซึ่งเข้าทำงานใน Frontier Myanmar ราว 1 ปี ถูกทางการเมียนมาจับกุมตัวที่สนามบินย่างกุ้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ระหว่างเตรียมขึ้นเครื่องบินเดินทางออกจากเมียนมาเพื่อกลับไปพบครอบครัว และจนถึงตอนนี้ยังคงถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำอินเส่ง ทางตอนเหนือของนครย่างกุ้ง
โดยที่ผ่านมาทางครอบครัวของเฟนสเตอร์ และรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามเรียกร้องให้ทางการเมียนมาปล่อยตัวเขาในทันที ซึ่งโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่าการกักขังเฟนสเตอร์นั้นไม่มีความยุติธรรม
ทั้งนี้ ภายหลังการรัฐประหารในเมียนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ กองทัพเมียนมาพยายามปิดกั้นเสรีภาพในการนำเสนอข่าวภายในประเทศ และมีนักข่าวท้องถิ่นถูกจับกุมตัวและดำเนินคดีแล้วหลายสิบคน ซึ่งนิตยสาร Frontier Myanmar เป็นหนึ่งในสื่อที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องการรัฐประหารและการประท้วงต่อต้านกองทัพเมียนมาอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง: