นับเป็นเวลา 2 ปีที่เกิดรัฐประหารในเมียนมา เป็นเหตุให้หลายธุรกิจถอนตัวไป แต่อาจไม่ใช่กับยักษ์ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อย่าง ‘ไทยเบฟเวอเรจ’ ที่คว้าโอกาสสร้างโรงงานผลิตเบียร์ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่เป้าหมายการเจาะตลาดอาเซียน
Nikkei Asia รายงานว่า ในปี 2023 สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในเมียนมามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ทำให้ธุรกิจมองเห็นช่องว่างและโอกาสการทำตลาด โดยเฉพาะตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจเครื่องนุ่งห่มเริ่มฟื้นตัว แต่อีกด้านก็ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาด้านความมั่นคงจากความขัดแย้งภายในประเทศ
จากช่องว่างตลาดเป็นโอกาสให้ธุรกิจทั้งจากจีนและไทยเตรียมขยายธุรกิจเข้าไปสร้างการเติบโตในเมียนมา ซึ่งรวมถึงไทยเบฟเวอเรจและ Neave ผู้ผลิตเบียร์จากประเทศสิงคโปร์ ที่เตรียมใช้งบ 14.1 ล้านดอลลาร์ เพื่อขอใบอนุญาตและสิทธิ์การใช้ที่ดินในเมียนมาสร้างโรงงานผลิตเบียร์ ผ่านการร่วมทุนกับบริษัทในประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ชินสุเกะ โกโตะ ผู้บริหาร บริษัทที่ปรึกษาที่ให้บริการธุรกิจที่ขยายไปยังเมียนมา กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่บริษัทในไทยหันไปขยายธุรกิจในเมียนมาคือเรื่องของต้นทุน โดยเฉพาะค่าแรงในเมียนมาที่ต่ำกว่าไทย
เช่นเดียวกับบริษัท Union Resources & Engineering ของจีน ที่อยู่ระหว่างการสร้างโรงไฟฟ้า โดยใช้งบมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานจะเริ่มผลิตไฟฟ้าขายในปี 2027 ขณะที่บริษัทใหญ่ๆ ในจีนได้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในเมียนมากว่า 300 แห่ง
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจากโรงงานเสื้อผ้าของ Chinese-Owned บางแห่งปิดตัวลง เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่สงบ ไม่เว้นแม้แต่ H&M แบรนด์สินค้าแฟชั่นรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และบริษัท Inditex เจ้าของแบรนด์ Zara ที่ยุติการจัดหาสินค้าจากเมียนมา เพราะมีการละเมิดสิทธิแรงงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปของประเทศเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของการลงทุนทั้งหมด เกิดขึ้นหลังจาก ตาน ฉ่วย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของเมียนมา ได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา พร้อมหารือเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่สำคัญทั้งสองประเทศมองเห็นการสร้างโครงการที่เชื่อมโยงจีนแผ่นดินใหญ่กับมหาสมุทรอินเดียผ่านเมียนมา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระบุว่า แรงงานราคาถูกเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เมียนมามีการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ แม้จะมีความเสี่ยงจากปัญหาความมั่นคงจากความขัดแย้งภายในประเทศก็ตาม
อ้างอิง:
