×

My Life is Journey ท่องเที่ยวเพื่อทะเลาะ ทะเลาะเพื่อเรียนรู้ เรียนรู้เพื่อรัก ของคู่รักนักท่องเที่ยว จ๋า ยศสินี และเปิ้ล ณัฐบูร [Advertorial]

28.05.2019
  • LOADING...
My Life is Journey

“คนนี้กำลังไปเที่ยวพอร์ตแลนด์ เราไปกันบ้างไหม?” คำถามที่จ๋า-ยศสินี ณ นคร พูดขึ้นมากับเปิ้ล-ณัฐบูร ไตรณัฐี คู่รักที่คบหาดูใจกันมา 10 ปี ก่อนที่บทสัมภาษณ์ว่าด้วยความสำคัญของการเดินทาง และงาน My Life is Journey จะเริ่มต้นเพียงแค่ไม่กี่นาที

 

ประโยคสั้นๆ ที่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทำให้เรามั่นใจได้ทันทีว่าการเดินทาง คือส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตรักของทั้งคู่แบบแยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ

 

เปิ้ลและจ๋า ศึกษาตัวตนของกันและกันผ่านการออกทริปเดินทางไปที่ต่างๆ ทั่วโลกมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งคู่เชื่อว่าก่อนที่ความสัมพันธ์จะคลี่คลาย เราต้องซื่อสัตย์และกล้าเปิดเผยตัวตนของกันและกันออกมาให้มากที่สุด แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้จ๋าต้องร้องไห้จนตาบวมตั้งแต่ทริปแรก เพราะความต้องการที่แตกต่างกัน แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่ค่อยๆ เปิดใจ เรียนรู้ จนสามารถมั่นใจได้ว่า นี่คือคนที่สามารถฝากชีวิตเอาไว้ได้

 

ทั้งคู่รู้ดีที่สุดว่าการเดินทางมีความสำคัญมากแค่ไหน และคิดว่าการเป็นนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ และตัดสินใจจัดงาน My Life is Journey มหกรรมการท่องเที่ยว ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

รวบรวมทุกสิ่งอย่างที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีใจรักในการเดินทาง ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ ยานหนะ ที่พัก อุปกรณ์เสริม โปรโมชันโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน และงานเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชื่อดัง เพื่อช่วยเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด สำหรับการออกเดินทางครั้งต่อไป

 

และถ้าใครยังไม่มั่นใจ หรือสงสัยว่า ทำไมเราถึงควรออกไปเดินทาง บทสนทนาของคู่รักที่มีการเดินทางเป็นแก่นกลางหัวใจ น่าจะช่วยตอบคำถาม และทำให้ตัดสินใจชักชวนคนรู้ใจใกล้ตัว แพ็กกระเป๋าออกเดินทางไปหาความสุขและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

 

เพราะการเดินทางคือสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์สามารถมอบให้กับชีวิตของพวกเขา และเราทุกคน

 

My Life is Journey

 

การเดินทางจัดอยู่ในหมวดที่พูดคุยกันมากที่สุดของพวกคุณเลยหรือเปล่า เพราะสังเกตจากเมื่อสักครู่ แค่มีเวลาไม่กี่นาที พวกคุณก็พูดเรื่องชวนกันออกไปเดินทางแล้ว

 

จ๋า: ตลอดเวลา (หัวเราะ) จะไม่พยายามคุยเรื่องงานกัน เพราะในชีวิตคู่ที่ทำงานด้วยกันก็มีความเสี่ยงมากที่ Office Hour จะไม่มีวันจบสิ้นอยู่แล้ว ถ้าดึงสติได้จะพยายามไม่คุยกันเรื่องงาน แต่พี่เปิ้ลจะดึงไม่ค่อยได้

 

เปิ้ล: ช่วงหนึ่งคุยเรื่องงานแล้วโดนว่าบ่อยๆ ก็เลยไม่คุยแล้วกันถ้างั้น (หัวเราะ)

 

จ๋า: แพลนเที่ยวกันเยอะมากตลอดเวลาตามแต่โอกาสจะอำนวย แต่ที่ฟิกซ์ไว้อยู่แล้วคือไปอเมริกาของพี่เปิ้ลหนึ่งครั้ง ญี่ปุ่นของจ๋าอีกสองครั้ง จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งไปนิวยอร์กด้วยกัน เป็นทริปที่เดินเยอะมาก แล้วก็หันมามองหน้ากันว่า เรารอแก่กว่านี้ไม่ได้หรอกเนอะ เพราะเวลาไปเที่ยวหลายๆ ที่ด้วยกันมันเหนื่อยนะ การเดินทางมันต้องใช้แรงและสติมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าเที่ยวได้ก็ตั้งใจว่าเที่ยวเลยดีกว่า อย่ารอ

 

My Life is Journey

 

การเดินทางมีส่วนช่วยในการสานความสัมพันธ์ของพวกคุณมากน้อยแค่ไหน

 

จ๋า: จ๋ารู้สึกว่าเวลาอยู่ในสังคมตามปกติมันคุยกันได้อยู่แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าจะอยู่กับคนคนหนึ่งได้หรือเปล่า มันต้องเดินทางด้วยกัน พอเริ่มเป็นแฟนกันไม่ถึงปีก็ตัดสินใจไปเที่ยวอิตาลีด้วยกัน เพราะเวนิสเป็นเมืองที่จ๋าเก็บไว้ในฐานะเมืองพิเศษที่อยากไปมาตลอดชีวิต ตั้งใจว่าจะไม่มีแฟนแล้วไปอิตาลีคนเดียว ดันเจอพี่เปิ้ลก่อน แล้วบอกว่าเดี๋ยวพี่พาน้องไปเอง ปรากฏว่าแตะเวนิสปุ๊บ จ๋าร้องไห้อย่างเดียวเลย (หัวเราะ)

 

โกรธ โมโห หงุดหงิด อึดอัด ทำไมเราต้องมาทรมานขนาดนี้ด้วย ภาพเวนิสในหัวเราคือลงเครื่อง ลงเรือ เข้าโรงแรม แต่มันต้องขึ้นรถบัส ลากกระเป๋าไปบนพื้นหิน สะพานหิน แล้วพอไปถึงโรงแรมที่พี่เปิ้ลจองไว้ก็ไม่มีลิฟต์ ห้องน้ำไม่ได้อยู่ในห้องนอน สรุปจบวันแรกเวนิสด้วยหน้าบวมเป่ง ตื่นมาตาบวมพูดไม่ออกเลย

 

เปิ้ล: ต้องมีพูดแก้ไหม (หัวเราะ) จริงๆ วิถีชีวิตของเราสองคนต่างกันอยู่แล้ว พอเริ่มใช้ชีวิตออกทริปด้วยกันถึงได้รู้ความจริงว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เราคิดว่าไปเวนิสแบบนี้ไม่ลำบากนะ ก็ปกติ นั่งรถบัส เดินลากกระเป๋าขึ้นเรือผ่านถนนที่เป็นอิฐโบราณอยู่แล้ว และด้วยความไม่ชินตอนแรกก็ไปไม่ถึง ใช้เวลางมอยู่พักหนึ่ง พอไปถึงโรงแรมที่เป็นโรงแรมโบราณเราก็คิดว่าสวยดี (หัวเราะ)

 

จ๋า: ถ้าดูจากอินสตาแกรมคนจะคิดว่าการเป็นผู้จัดละครจะต้องมีชีวิตสุขสบายมากๆ แต่จริงๆ แล้วเวลาออกกองต่างจังหวัด จ๋าอยู่โรงแรมต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะต้องอยู่กับทีมงานทุกคน ไม่มีการแยกตัวไปนอนสบายคนเดียวในขณะที่ทีมงานเรายังอยู่ที่นั่น เพราะฉะนั้นเวลาเที่ยวเราขอสบาย

 

ตอนนั้นพี่เปิ้ลยังไม่เคยไปใช้ชีวิตในกองด้วยกัน เลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเหวี่ยงอะไรขนาดนี้ เพราะมันไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ซึ่งจริงๆ เราก็หงุดหงิดแค่ตอนนั้นแหละ พอตื่นเช้ามา พี่เปิ้ลเปิดหน้าต่างออกไปเห็นเมืองเวนิส แล้วมีกลิ่นครัวซองต์ลอยเข้ามาแค่นั้นก็แฮปปี้แล้ว พี่เปิ้ลดูแลเราดีมากแล้วจริงๆ ยังมีรูปสุดท้ายในทริปที่เก็บไว้อยู่ พี่เปิ้ลถือกระเป๋าของจ๋าข้างหนึ่ง ของตัวเองข้างหนึ่ง เดินขึ้นสะพานแบบสุดแรง มันเป็นโมเมนต์ที่รู้สึกว่า สุดท้ายเราฝากชีวิตไว้กับคนคนนี้ได้นะ เขาจะดูแลเราให้เต็มที่ที่สุด แล้วเขาก็ยอมทุกอย่าง ไม่มีปัญหา มีแค่ช่วงที่ต้องหาทางปรับเข้าหากันบ้างเท่านั้นเอง

 

My Life is Journey

 

ส่วนใหญ่เวลาไปเที่ยวกับแฟนครั้งแรก มักจะต้องทำให้อีกฝ่ายประทับใจไว้ก่อน ถ้าเจอปัญหาก็จะต้องบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก เราแฮปปี้

 

เปิ้ล: สำคัญที่ก่อนความจะสัมพันธ์จะคลี่คลาย เราต้องแบความเป็นตัวเองทุกอย่างออกมาให้อีกคนหนึ่งเห็นก่อน ผมก็แบว่าเราชอบแบบนี้ จ๋าไม่พอใจก็บอก ร้องไห้ให้รู้กันไปเลย (หัวเราะ)

 

จ๋า: จะไม่บอกว่า ไม่เป็นไร น้องอยู่ได้ น้องแฮปปี้กับสิ่งนี้ อันนี้บอกเลยว่า เราไม่กดถูกใจกับสิ่งนี้นะ (หัวเราะ) ต้องตีแผ่ตัวเองออกไปให้รู้ การที่จะหาตรงกลางของการเดินทางของคนสองคน มันต้องซื่อสัตย์ต่อกันและกันนะ ซึ่งตอนคบกันก่อนหน้าก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ใช้ชีวิตเป็นแฟนที่เพิ่งจีบกันปกติจนมาเที่ยวด้วยกัน การเดินทางจะทำให้รู้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อในชีวิต

 

เปิ้ล: แล้วก็ตีแผ่กันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องขับรถ ไปจนถึงเรื่องที่จ๋าชอบไปเที่ยวคนเดียว ซึ่งเราเป็นแฟนก็ต้องเป็นห่วง อยากไปด้วยอยู่แล้ว ก็พยายามคุยกัน สุดท้ายก็ทะเลาะกันอีก

 

จ๋า: ร้องไห้อีก (หัวเราะ) ทำไมถึงไม่ให้น้องไปคนเดียว แต่ที่คุยกันวันนั้นน่ากลัวมากนะ จ๋าบอกว่าชอบไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วพี่เปิ้ลตอบกลับมาว่า แต่พี่ติดแฟนนะ โห เรานี่ขนหัวลุกซู่ไปหมดเลยอ่ะ ซวยแล้วกู เอาไงดีเนี่ย (หัวเราะ) แต่พี่ต้องให้น้องเที่ยวคนเดียวบ้างนะ มันคือการรีเซ็ตตัวเองของเรา ทะเลาะกันอยู่นาน จนพี่เปิ้ลบอกว่า โอเค จะไม่พูดอะไรแล้ว อยากไปไหนไปเลย (หัวเราะ)

 

เปิ้ล: จนทุกวันนี้ไม่ค่อยอยากไปเองแล้ว (หัวเราะ)

 

จ๋า: ไปด้วยกันดีกว่าตั้งเยอะเนอะ มีทริปหนึ่งจ๋าไปภูเก็ต นั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียว มองไปในห้องทุกอย่างมืดไปหมด โทรกลับมาหาพี่เปิ้ล ที่กำลังอยู่ที่บ้านกับพ่อ แม่ น้องชาย และหมาของเรา เกิดความรู้สึกว่า นี่เรามาอยู่ตรงนี้คนเดียวทำไมวะ (หัวเราะ) พอเขาปล่อยให้เราใช้ชีวิตของเรา มันจะค่อยๆ อิ่มตัว และรู้สึก ณ วันนั้นว่า เออ ไม่อยากนอนคนเดียวแล้ว เวลาไปเที่ยวแล้วมีเขาอยู่ด้วยอุ่นใจกว่าเยอะเลย

 

การเดินทางมันคือการเปิดใจที่ทำให้จ๋าเปลี่ยนไปมากเลยนะ จากคนที่เคยเดินทางเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นเหตุผลหนึ่งด้วยที่ทำให้เราชอบเที่ยวคนเดียว เพราะไม่อยากตามใจใคร อยากตามใจตัวเอง แล้วถูกพ่อสอนมาด้วยว่า ถึงแม้เราจะเป็นผู้หญิง แต่ก็สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเอาความสุขของเราไปผูกติดกับใคร

 

แต่ทุกครั้งที่เดินทางกับพี่เปิ้ล จากตอนแรกที่ไม่เชื่อใจมนุษย์คนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาว่าจะทำให้เรามีความสุขกับการเดินทางได้หรือเปล่า ค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงทีละนิดของการปรับจูนเข้าหากัน เห็นความตั้งใจของคนข้างๆ เราว่า เขามีความตั้งใจที่จะทำให้เราแฮปปี้กับทริปนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นพอเราเริ่มเชื่อใจว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้

 

ทำให้มีบางทริปที่มันไม่ได้มีความเป็นตัวเราเลย แต่ถ้าเขาชวนไป เราก็อยากลอง แล้วตอนนี้ถ้าไปเที่ยวด้วยกัน เราปล่อยล้อฟรีได้เลย ไม่รู้เลยว่าต้องขึ้นเครื่องกี่โมง จะไปนอนโรงแรมอะไร จะไปที่ไหน กี่วัน นอนตรงไหน พี่เปิ้ลจะจัดการทุกอย่าง เพราะพี่เปิ้ลรู้ว่าเราต้องการอะไร ต้องการแค่ไหน ส่วนเรารู้แค่ว่าถ้ามีเขาไปด้วยเราจะแฮปปี้แน่นอน

 

เปิ้ล: จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเที่ยว พอใช้ชีวิตอยู่ใกล้กันไปเรื่อยๆ ไม่ได้หมายความว่าเรียนรู้แล้วต่อไปจะไม่มีปัญหา ชีวิตมันต้องปรับตัวต่อไปเรื่อยๆ เพราะสมอง ความคิด ความรู้สึก ชีวิต สิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่ถ้าใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ออกไปไหน เราอาจไม่ทันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น การไปเที่ยวจะทำให้เห็นถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้เรายังปรับตัวเข้าหากันตลอดเวลา เพื่อให้มีความกลมในการใช้ชีวิตมากขึ้น

 

My Life is Journey My Life is Journey

 

ส่วนมากเราจะเห็นนิสัยชอบจัดการ เตรียมการทุกอย่างในตัวผู้หญิงมากกว่า นิสัยแบบนี้ของเปิ้ลมีที่มาจากไหน เพราะเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว หรือเป็นเพราะว่ารักในคนคนนี้เลยยอมทำ

 

เปิ้ล: น่าจะนิสัยส่วนตัวนะครับ เป็นคนชอบวางแผนในชีวิต รู้ว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง

 

จ๋า: ถ้าตอบว่ารักจะหล่อเลยนะ (หัวเราะ)

 

เปิ้ล: ก็ต้องรักอยู่แล้วสิ ถึงยอมให้แบบนี้ ยังทันอยู่ไหม

 

จ๋า: ไม่ทันแล้ว (หัวเราะ)

 

เปิ้ล: แต่ผมเป็นคนแบบนั้นจริงๆ เหมือนเวลาคิดงานอีเวนต์ที่ชอบสร้างซีน สร้างอะไรหลายๆ อย่างให้คนประทับใจ เวลาไปเที่ยวกับน้อง ก็ชอบคิดว่าต้องเตรียมตัวแบบไหน อยากให้เจออะไรตอนเช้า อาหารจะเป็นอย่างไร ต้องเปิดเพลงแบบไหนระหว่างเดินทาง มันเหมือนเราสร้างละครเรื่องหนึ่งขึ้นมา มันอาจจะไม่ดีไปทั้งหมดหรอก แต่อย่างน้อยมันมีความสวยงามในการดำเนินชีวิต และอยากให้น้องได้มีประสบการณ์ที่ดีจากหนังที่เราสร้างขึ้นมา

 

ความรู้สึกแบบนี้คล้ายๆ กับที่ทำให้ผมอยากจัดงาน My Life is Journey ผมมีภาพการเดินทางเป็นหนังของผมอยู่เรื่องหนึ่ง แล้วอยากให้คนที่มางานนี้ได้เห็น และมีอะไรที่เขาสามารถเอาไปสร้างหนังในชีวิตของเขา และเปิดพื้นที่ให้คนรักได้มาสัมผัสในพื้นที่นั้นของเขาได้

 

การมาแล้วได้อุปกรณ์โน่นนี่ที่เราเลือกมาให้ในงานว่าเป็นสิ่งที่เจ๋ง ถ้าเขาถูกใจก็สามารถเอาไปคัสตอมให้กับหนังของเขาได้ ว่าชีวิตเป็นแบบนี้ จะไปกับใคร รถต้องเป็นแบบไหน ติดอุปกรณ์อะไรได้บ้าง อยากไปแคมปิ้งใช่ไหม เรามีเต็นท์ มีหลังคาให้เลือก เราเตรียมทุกอย่างไว้ให้ทุกคนมาเลือก มาสร้างชีวิต มาสร้างละครจากการเดินทางของตัวเเอง ผมสนุกตรงนั้น

 

My Life is Journey

 

การมีอุปกรณ์เสริมมากมาย เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง สำคัญกับคนที่ไม่เคยวางแพลนในการไปเที่ยวมาก่อนแบบจ๋าอย่างไรบ้าง

 

จ๋า: ถึงจ๋าไม่เตรียมตัว แต่จ๋ารู้ว่ามันดีเพราะมีคนเตรียมให้ (หัวเราะ) การเตรียมตัวที่ดีทำให้เรามีความสุขในการเดินทาง และการเดินทางบางประเภทไม่สามารถแค่คิดว่าจะไป แล้วก็ไปตัวเปล่าๆ ได้ มันต้องมีการเตรียมตัวที่ดี และสำคัญกว่านั้น คือต้องมีการเตรียมใจว่าเราจะต้องไปเจอกับอะไรด้วย

 

อย่างเช่น ไปเที่ยวแคมปิ้ง เราต้องเตรียมใจว่ามันจะไม่ได้สะดวกสบายหรอก เราทำได้แค่เตรียมอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกของเราไปได้จนถึงจุดที่สุดของมัน ต้องเตรียมใจว่าเราไม่ได้มาเพื่อหรูหรา ฟู่ฟ่า ไม่ได้มาเพื่อกรี๊ดกร๊าด ทั้งๆ ที่เราอยู่บนยอดเขาที่เขาหลับกันตั้งแต่ 2 ทุ่ม เราต้องเรียนรู้ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการชื่นชมธรรมชาติ ที่เขาเป็น ที่เขามีอยู่

 

มันคือการเตรียมตัว เตรียมใจว่าเราจะออกเดินทางไปเพื่อไม่เป็นภาระของใครเลย ถ้ามาถึงจุดนี้ได้มันจะให้คุณค่าบางอย่างที่ใหม่กับชีวิตเรา คือไม่ได้มีแค่ตัวเราอีกแล้ว เราจะไม่สร้างขยะเพิ่ม ไม่สร้างมลพิษทางเสียง ทางสายตาหรือทางใดก็ตามกับคนอื่น จะไม่ทำร้าย ไม่บุกรุกธรรมชาติ ความเข้าใจตรงนี้สำคัญมากนะ มันคือความรับผิดชอบของมนุษย์ที่มันใหญ่กว่าตัวเอง ซึ่งส่วนหนึ่งจะเกิดขึ้นในพาร์ต Journey Talk ที่ชวนนักเดินทางที่มีชื่อเสียงหลายคน มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างท่องเที่ยวให้คนที่มาร่วมงานฟัง

 

เปิ้ล: อย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ สำหรับคนที่มางานนี้คือ เขาจะมีความรักธรรมชาติมากขึ้น เพราะเขารู้ว่าธรรมชาติมันดีอย่างไร จากประสบการณ์ของนักเดินทางหลายคนที่ไปพบเจอมา แล้วมันจะย้อนกลับไปทำให้เขาอยากรักษาธรรมชาติมากขึ้น เพราะตอนนี้สภาวะของโลกมันหนักมากจริงๆ นั่งอยู่ตรงนี้ เรายังใช้ชีวิต ยังกินข้าว ทำงานได้อยู่ โดยไม่รู้หรอกว่าโลกที่เราอยู่ตอนนี้มันอยู่ในจุดถอยกลับจนวิกฤตแล้วจริงๆ และมันกำลังหนักขึ้นทุกๆ ปี

 

ปีนี้เป็นปีแรกของงาน My Life is Journey เราคงไม่สามารถทำอะไรได้เยอะมาก แต่ในปีต่อไป ก็เพิ่มความตั้งใจเลยว่าอยากจะดึงเรื่องความรักธรรมชาติให้เกิดขึ้นมากกว่านี้ อย่างน้อยเราอยากเป็นหนึ่งเสียงที่พูดเรื่องนี้ มันจะดีหรือโดนใจใครหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่เราอยากทำขึ้นมา และจะพยายามทำให้เต็มที่

 

My Life is Journey

 

การฟังประสบการณ์และเรื่องราวการเดินทางของคนอื่นมีความสำคัญอย่างไร ในขณะที่หลายๆ คนกำลังบอกว่าให้ออกเดินทางเพื่อค้นหาเส้นทาง และการเดินทางของตัวเอง

 

เปิ้ล: มันเป็นความรู้ที่ไม่ต้องใช้เวลาในการเดินทางไป อย่างเช่น จะไปญี่ปุ่น ไปอเมริกา ไปขึ้นเขาเอเวอเรสต์ ทุกๆ ที่จะมีเงื่อนไขบางอย่างที่เราไม่มีทางรู้ถ้าเราไม่ได้ไปตรงนั้นจริงๆ แน่นอนว่าการเดินทางของทุกคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ทุกคนไปที่ไหน ที่นั่นก็เป็นเส้นทางของคนนั้น เพียงแต่การรับรู้ประสบการณ์ รับรู้วิธีจากคนอื่น หรือแม้กระทั่งแค่นั่งหาข้อมูลเตรียมไว้ก่อน มันช่วยเราได้

 

จ๋า: พี่เปิ้ลชอบพูดช่วงก่อนจัดงานมอเตอร์ไซค์ว่า คนที่ชอบฮาร์ลีย์-เดวิดสัน แต่ยังไม่มีเงินซื้อ แต่แค่เขาได้ซื้อเสื้อยืด ซื้อเข็มกลัด ก็ทำให้เขามีความสุข เพราะรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราชอบได้แล้ว

 

หรือคนที่อยากไปเที่ยว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ออกเดินทาง แต่เขาได้มารับรู้ เตรียมตัว ทำความเข้าใจไว้ก่อน นั่นคือสเตปแรกที่เหมือนเขาได้ออกเดินทางไปแล้ว 20-30% อย่างจ๋าช่วงแรกๆ ก็อยากไปเที่ยวทะเลเมืองนอกนะ แต่ ณ วันนั้นเราไปได้แค่หัวหินเพราะเพิ่งเริ่มทำงาน ก็อาศัยเสพผ่านประสบการณ์ของคนอื่นเอา (หัวเราะ)

 

เปิ้ล: การเรียนรู้มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งด้วยนะ เคยเป็นไหมครับ เวลาจะซื้อรถสักคัน แค่ได้เสิร์ชหาข้อมูล ดูรีวิว แค่นั้นก็เป็นความสุขระหว่างทางที่เรารับได้ทันทีแล้ว การเดินทางก็เหมือนกัน การได้เตรียมความพร้อม หาข้อมูล ซื้อของ เตรียมอุปกรณ์ มันคือส่วนหนึ่งของการเดินทาง ไม่ใช่แค่รอว่าต้องออกเดินทางแล้วถึงจะมีความสุข แต่มันคือความสุขในทุกขณะของชีวิตที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ตอนนี้

 

จ๋า: อยู่ดีๆ พี่เปิ้ลก็เอาเต็นท์มากางในห้องรับแขก แล้วก็ให้จ๋ากับหมาไปนอน ซึ่งเดี๋ยวก่อน เรายังไม่ได้ไป (หัวเราะ) แต่การที่เขาได้ฝึกเตรียมกางเต็นท์ หรือเวลาดูทีวีก็ไม่นั่งบนโซฟานะ นั่งบนเตียงผ้าใบ (หัวเราะ) บางทีรู้ว่าจะไปเชียงราย บนเตียงที่ควรจะเป็นที่นอนสบายๆ มีหมอน มีผ้าห่ม ก็จะมีแต่หมอนแคมปิ้งกับถุงนอนแล้วก็ซ้อมนอนในนั้น

 

เปิ้ล: ยิ่งชีวิตในเมืองนี้ที่บางทีเราแทบจะหาความสุขไม่ได้เลยในแต่ละวัน แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ ต้องรอให้หยุดวันหยุดยาวแล้วค่อยอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขได้แค่ตอนนั้นเหรอ ไม่ใช่ เราสุขได้เลย แค่เบื้องต้นเราต้องรู้ก่อนว่า จะไปสุขด้วยวิธีไหน ซึ่งในงานนี้ก็จะมีความสุข และอุปกรณ์ช่วยเตรียมตัวสร้างความสุขให้เลือกเยอะมากเลย ไม่ต้องซื้ออะไรที่ใหญ่มากกลับไปก็ได้ แค่เห็นว่า เฮ้ย เก้าอี้ปิกนิกตัวนี้ใช่มากเลย ซื้อกลับมาบ้าน แล้วนั่งทำอาหารกินกับเพื่อน แค่นี้ก็เป็นความสุขได้แล้ว

 

จ๋า: ทุกวันนี้หลายคนชอบทำงาน ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เพื่อรอความสุขใหญ่จากการไปเที่ยวทีเดียว แต่จริงๆ ถ้าเราทำงานเสร็จ กลับมาใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมง เตรียมของ หาข้อมูล แค่ 1 ชั่วโมงเองนะ แต่อย่างน้อยมันจะเป็นเวลาที่ทำให้เรามีความสุขได้แน่ๆ หรือลองใช้เวลามาดูงาน My Life is Journey แค่มาแชร์ มารับฟังประสบการณ์ของคนอื่นๆ ที่ชอบในการเดินทางเหมือนกัน มาเตรียมตัวดูของ ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ซื้อเก้าอี้ กระทะ เต็นท์กลับไปกางที่บ้าน แค่นี้ก็ช่วยให้มีความสุขได้

 

เปิ้ล: สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมาตลอด การท่องเที่ยวคือความทรงจำที่เราสามารถดึงมาเป็นพลังได้ตลอดเวลา สมมติซื้อรถคันใหม่มา เราจะเห่อในช่วงขณะหนึ่ง แล้วสักพักก็เริ่มไม่อินแล้ว ทุกๆ อย่างรอบกายที่เป็นสิ่งของมันจะสลายไปในระยะเวลาหนึ่ง แต่ความทรงจำจะไม่มีวันจากเราไปไหน

 

ผมคิดถึงช่วงที่อาจจะเหลือเวลาอยู่บนนี้อีกไม่มากนะ วันที่ต้องนอนอยู่บนเตียงไปไหนไม่ได้ 3 ปี ตอนนั้นสิ่งของอะไรก็คงช่วยให้เรามีความสุขไม่ได้ แต่ความทรงจำที่เราเคยไปเที่ยว เคยมีความสุข เราจะสามารถนึกภาพนั้นออกมาเพื่อเยียวยาวได้เสมอ

 

My Life is Journey

 

แต่อีกทางหนึ่งก็น่ากลัวไหมว่า ความสุขที่เคยได้รับจากการเดินทางมากๆ จะกลายเป็นความทุกข์ในวันที่เราไม่สามารถออกไปท่องเที่ยว และหาความสุขจากสิ่งนั้นได้อีกแล้ว

 

จ๋า: ความรู้สึกนี้ไม่น่ากลัวเท่าความรู้สึกว่า ทำไมเราไม่ออกเดินทางในวันที่เรายังมีแรงอยู่วะ ต่อให้ในอนาคตข้างหน้าจ๋าจะออกเดินทางไม่ได้แล้วจริงๆ แต่อย่างน้อยเราจะไม่ทุกข์เรื่องนี้ เพราะเราได้พยายามทำทุกอย่างแล้ว จะไม่มีความเสียดายว่าทำไมไม่ทำ มีแต่ความทรงจำเวลาคิดถึงว่าช่วงนั้นมีความสุขจังเลย

 

ครั้งก่อนที่คุยกัน เราคุยกับจ๋าเรื่องการเดินทางคนเดียว และจ๋าก็ชักชวนว่าทุกคนควรออกไปเที่ยวคนเดียวให้ได้สักครั้ง แต่การจัดงาน My Life is Journey คราวนี้ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเป็นชวนให้ทุกคนออกไปเที่ยวกับคนอื่นแทน

 

จ๋า: การเที่ยวคนเดียวยังเป็นเรื่องที่ควรทำถ้ามีโอกาสอยู่นะ และไม่ว่าจะท่องเที่ยวแบบไหน ไปกี่คน สำหรับจ๋า การเดินทางคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถมอบให้ตัวเองได้เสมอ

 

อย่างที่บอกคราวที่แล้วว่า การเดินทางคนเดียวจะทำให้ได้รีเซ็ตความคิด และเลิกคิดว่าตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาล เพราะเมื่อเจอโลกที่กว้างใหญ่ จะรู้ว่าแท้จริงแล้วเราเป็นแค่เศษฝุ่นในจักรวาล ในโลกใบนี้เท่านั้น

 

แต่การที่เราจะอยู่กับโลกนี้ต่อไปได้ การมีคนเดินทางอยู่ข้างกันมันไม่โดดเดี่ยว อย่างน้อยการมีพี่เปิ้ลอยู่ข้างๆ มาตลอด ทำให้รู้ว่าต่อให้เราไม่สำคัญกับโลกนี้ แต่เรามีคนคนหนึ่งที่เขาจะไม่ยอมให้เราเป็นอะไรแน่ๆ เขาจะดูแลเราอย่างดี และต่อให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เราก็จะมีคนคนนี้ที่อยู่ด้วยกัน ช่วยแก้ปัญหากันไป เป็นความรู้สึกที่ดีมากนะ ความรู้สึกอุ่นใจเวลาไปเที่ยวกับคนอื่นก็สนุกดี และเอาแต่ใจได้เต็มที่ด้วย (หัวเราะ)

 

ซึ่งความรู้สึกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ไปเที่ยวแบบคนรักเท่านั้นนะ จะไปเที่ยวกับเพื่อน กับครอบครัว จะไปกี่คนก็ได้ สุดท้าย 2, 4, 6, 10 หรือกี่คนก็ตามก็ไม่ได้สำคัญกับโลกนี้อยู่ดี แต่ถ้าไปเที่ยวด้วยกัน นั่นแหละ อย่างน้อยเราก็จะมีความหมายต่อกันและกันแล้ว

 

อ่านบทสัมภาษณ์เรื่องการเดินทางคนเดียวของจ๋า ยศสินี ได้ที่

thestandard.co/inspirationofjahyossinee

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI
  • งาน My Life is Journey จัดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน ณ ลานเซ็นทรัลเวิลด์
  • ในงานจะแบ่งเป็น 2 พาร์ต คือพาร์ตรวบรวมทุกสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ตั้งแต่อุปกรณ์ เครื่องมือ เสื้อผ้า อาหาร ยานพาหนะ ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ฯลฯ โดยเฉพาะสายท่องเที่ยวธรรมชาติไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
  • อีกหนึ่งพาร์ตที่จ๋าและเปิ้ลให้ความสำคัญมากๆ คือ Journey Talk ที่ชวนนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มาแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างการเดินทาง รวมทั้งการให้ความรู้ ทำความเข้าใจ และมีความรู้สึกรักความสวยงามของธรรมชาติมากขึ้น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจที่นำไปสู่การออกเดินทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต่อไป
  • นักท่องเที่ยวที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ในงาน My Life is Journey เกรท-วรินทร, เพชร-กรุณพล, เดี่ยว-สุริยนต์, กิก ดนัย, กาละแมร์ และวู้ดดี้
  • รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มีใจรักในการเดินทาง ตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ ยานหนะ ที่พัก อุปกรณ์เสริม โปรโมชันโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน และงานเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชื่อดัง เพื่อช่วยเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด สำหรับการออกเดินทางครั้งต่อไป
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising