เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (9 พฤศจิกายน) บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 5%QoQ และ 10%YoY โดยกำไร 3Q64 ที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ เกิดจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงขึ้น ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง QoQ ซึ่งเกิดจากค่าธรรมเนียมติดตามหนี้ที่ลดลง
ยอดสินเชื่อ 3Q64 เติบโต 6%QoQ และ 27%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่เติบโตดี ขณะที่ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3Q64 ลดลง 45 bps QoQ สู่ระดับ 16.74% เพราะผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อลดลง 36 bps QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ลดลง ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 2 bps QoQ
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น MTC ปรับตัวลง 3.56%DoD สู่ระดับ 61.00 บาท
มุมมองระยะสั้น:
กำไร 3Q64 ของ MTC ที่ประกาศต่ำกว่าตลาดคาด 11% เนื่องจากการตั้งสำรองและค่าใช้จ่าย OPEX ที่สูงกว่าที่คาด ขณะที่แนวโน้มกำไร 4Q64 ของ MTC SCBS คาดว่าจะฟื้นตัว QoQ จากการตั้งสำรองลดลงและสินเชื่อเติบโตเร่งตัวขึ้น แต่กำไร 4Q64 จะอยู่ในระดับทรงตัว YoY
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 ของ MTC SCBS คาดการณ์กำไรปี 2565 ที่ 6,233 ล้านบาท เติบโต 20%YoY โดยเกิดจากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเติบโต 28%YoY โดย NIM จะลดลง 116 bps จากผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อลดลง ขณะที่ Non-NII จะลดลง 3% เนื่องจากค่าธรรมเนียมในการติดตามหนี้ลดลง
ในระยะถัดไปติดตามการแข่งขันทางด้านราคาของอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น หลังจากธนาคารออมสินร่วมทุนกับ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อทิศทาง NIM
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
