×

สารพัดชีสและโคลด์คัต กับอาหารฝีมือแม่ชาวอิตาเลียนที่ Mozza by Cocotte

02.05.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ชีสและโคลด์คัตของทางร้านเน้นระดับพรีเมียมจากประเทศอิตาลี ถึงขนาดบางตัวหากินได้ยากในไทย แถมยังมีรสชาติเฉพาะตัวที่เราแนะว่าควรค่าแก่การสั่งมาลิ้มลอง เช่น Truffle Moliterno Cheese หรือ Parma Ham 30 Months
  • พิซซ่าที่เสิร์ฟมีแป้งที่บางแต่ยังเนื้อเหนียวนุ่มและมีให้เลือกหลากหลายหน้า
  • แนะนำของหวานล้างปากแสนอร่อยที่คล้ายทีรามิสุเวอร์ชันมะนาว

จากทีมงานของร้าน Cocotte Farm Roast & Winery ร้านสเต๊กและอาหารย่างสไตล์ฝรั่งเศสบนสุขุมวิท 39 และ Pesca Mar & Terra Bistro ร้านอาหารซีฟู้ดสไตล์ Market to Table ในเอกมัยซอย 12 ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของกลุ่มเพื่อนซึ่งมีใจรักในอาหารการกิน ร้านน้องใหม่ มอสซา บาย โคค็อตต์ (Mozza by Cocotte) จึงเกิดขึ้นโดยเป็นร้านอาหารอิตาเลียนต้นตำรับคุณแม่ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าดิ เอ็มควอเทียร์

 

 

The Vibe

ครั้งแรกที่เห็นชื่อร้าน เราก็เก็บความสงสัยไว้ในใจว่าเกี่ยวโยงอะไรกับชีสมอสซาเรลลา (Mozzarella) หรือเปล่า? ซึ่งคำตอบนั้นเป็นจริง Mozza มาจาก Mozzarella เนื่องจากเป็นสิ่งที่แสดงถึงอาหารในฐานะตัวแทนประเทศอิตาลีได้ดีที่สุด ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าร้านก็ได้กลิ่นอายอิตาเลียนดั้งเดิม โต๊ะไม้ โต๊ะกลม ภาพแขวน สีแดง และการตกแต่งแบบเปลือยๆ รัสติก ยิ่งมีกระเบื้องลายสวยงามวางสลับพื้นไม้ก็ยิ่งสร้างบรรยากาศให้ดูเอ็นจอยยิ่งขึ้น

 

(บน) สายชีสต้องปลื้มกับมวลชีสนานาชนิด,

(ล่าง) ซามูเอเล อัลวิซี เชฟใหญ่อารมณ์ดีชาวอิตาเลียน

 

The Chef

เราพบกับเชฟซามูเอเล อัลวิซี (Samuele Alvisi) เชฟใหญ่อารมณ์ดีชาวอิตาเลียนผู้ผ่านประสบการณ์ในครัวทั่วเอเชียมากว่า 10 ปี ตั้งแต่วัยเด็กเชฟซามูเอเลคลุกคลีกับเรื่องการกิน เพราะเห็นคุณยายทำพาสต้าให้ทุกคนในครอบครัวรับประทานกันบ่อยๆ จนเมื่อโตขึ้น เขาสานต่อความฝันและมุ่งมั่นเดินบนเส้นทางอาหารจนได้ร่วมทำงานในร้านอาหารมิชลินสตาร์ที่ลอนดอน แล้วย้ายไปอยู่ตะวันออกกลาง จากนั้นก็เริ่มลงหลักปักฐานในเอเชีย จนมาถึงร้านอาหารอิตาเลียน Mozza by Cocotte ในที่สุด โดยเชฟซามูเอเลถ่ายทอดประสบการณ์อาหารที่ตนได้พบเจอและสัมผัส ผ่านเมนูมาม่าเมดหรือสูตรคุณแม่อิตาเลียน ทุกวัตถุดิบล้วนแต่คัดเลือกอย่างพิถีพิถัน นำเข้าจากอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นชีสหรือโคลด์คัตต่างๆ ซึ่งใช้ของอิตาลีทั้งหมด รวมถึงวัตถุดิบที่หากินกันได้ยาก ที่ถ้ามาที่ Mozza by Cocotte ก็มีโอกาสได้ลิ้มลองอย่างแน่นอน

 

Royal Seafood Spaghetti เมนูเอาใจคนรักทั้งเส้นและซีฟู้ด

 

The Dishes

แน่นอนว่าเมื่อโฟกัสที่อาหารอิตาเลียน ‘ชีส’ น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้คนนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เชฟจึงแนะนำให้คนไทยได้ลองเมนูที่ทั้งคุณภาพดีทั้งรสชาติถูกปากคนไทย เริ่มต้นด้วย Italian Board (980 บาท) ชีสและโคลด์คัตเกรดพรีเมียมจากอิตาลีทั้งหมด 6 ชนิด เสิร์ฟพร้อมถั่วและผลไม้อบแห้ง โดยสามารถเลือกชีสและโคลด์คัตได้อย่างละ 3 ชนิด ซึ่งเชฟซามูเอเลแนะนำ Truffle Moliterno ชีสตัวแรกนี้มีส่วนผสมของเห็ดทรัฟเฟิล ซึ่งชีสก้อนขนาด 6 กิโลกรัม จะมีทรัฟเฟิลมากถึง 300 กรัม ทำให้ชีสชนิดนี้มีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ อีกทั้งยังให้รสที่นุ่มนวล ชีสตัวที่ 2 อาจมีชื่อที่แปลกไปสักนิด Blue 61 เป็นบลูชีสที่บ่มกับไวน์หวานและผลเบอร์รีจนมีสีม่วงบริเวณขอบ และมีกลิ่นหอมกว่าบลูชีสทั่วไป แถมกินง่ายขึ้นด้วย ชีสตัวที่ 3  Parmesan 32 Months พาร์เมซานชีสเกรดพรีเมียมที่ผ่านการบ่มเกือบ 3 ปี ให้กลิ่นถั่วนิดหน่อย รสชาติเข้มข้นแต่ไม่เค็มโดด ส่วนโคลด์คัต เราแนะนำ Parma Ham 30 Months ที่ให้รสหวานธรรมชาติปนเค็มนิดๆ Truffle Parmigiano Salami ตัวนี้เป็นซาลามีผสมเห็ดทรัฟเฟิล นอกจากจะอร่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยังเพิ่มกลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิล จึงไม่แปลกใจถ้าซาลามีตัวนี้จะขายดีเป็นพิเศษ และสุดท้ายคือ Mortadella ไส้กรอกหมูผสมมันรสนุ่ม กินได้เพลินๆ ไม่กี่อึดใจก็หมดเสียแล้ว

 

(บน), ชีสและโคลด์คัตเกรดพรีเมียมจากอิตาลีทั้งหมด 6 ชนิด

(ล่าง) Burrata, Mango, Bell Pepper & Parma Ham 24 Months

 

สำหรับคนรักชีส ชีสเท่าไรก็คงยังไม่พอ เมนูถัดมาต่อกันด้วยชีส กับ Burrata, Mango, Bell Pepper & Parma Ham 24 Months (620 บาท) สังเกตได้ว่าพักหลังแวดวงอาหารอิตาเลียนบ้านเราเริ่มมีการใช้ชีสบูราตากันบ่อยขึ้น อาจเป็นเพราะผู้คนเริ่มติดใจชีสรสครีมรับประทานง่ายกันมากขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าบูราตาก็คือหนึ่งในประเภทของมอสซาเรลลาชีสนั่นเอง แต่โดดเด่นด้วยรสชาติความครีมแบบเบาบางจนคล้ายนมที่กินแล้วสดชื่น ไม่เลี่ยนเหมือนรสชีสทั่วไป จับคู่กับมะม่วง พริกหวาน พร้อมด้วยพาร์มาแฮมบ่มนาน 24 เดือน เป็นตัวเสริมรส จานนี้มีครบรสทั้งความหวานจากมะม่วง ความครีมของบูราตา และความเค็มกลมกล่อมจากพาร์มาแฮม รสชาติทั้ง 3 เมื่อกินร่วมกันแล้วเข้ากันได้อย่างลงตัว

 

โคลด์คัตเกรดพรีเมียมจากอิตาลี

 

เอาใจคนรักทั้งเส้นและซีฟู้ดด้วยเมนู Royal Seafood Spaghetti (1,320 บาท) เมนูนี้จัดเต็มซีฟู้ดชั้นดีหลายชนิด เริ่มจากไฮไลต์อย่างล็อบสเตอร์ครึ่งตัว ตามด้วยกุ้งลายเสือ หอยเชลล์ ปลาหมึก หอยแมลงภู่ และหอยลาย เชฟนำซีฟู้ดทั้งหมดไปผัดกับไวน์แดง จากนั้นค่อยไปผัดกับเส้นสปาเกตตีอัลเดนเต้ สัมผัสกรึบๆ แบบอิตาเลียน พร้อมคลุกเคล้ากับซอสที่ทำมาจากมะเขือเทศอิตาลี ซุปล็อบสเตอร์เคี่ยว 9 ชั่วโมง น้ำมันกุ้ง และน้ำที่มาจากหอยลาย

 

พิซซ่ารสจัดจ้านที่ติดอันดับขายดีตั้งแต่ร้านเปิดวันแรก

 

ร้านอาหารอิตาเลียนแต่ละร้านมีคาแรกเตอร์ของพิซซ่าแตกต่างกันตามสไตล์แต่ละภูมิภาค สำหรับที่นี่เชฟทำพิซซ่าแบบแป้งบางแต่มีความเหนียวหนึบหนับและเบสด้วยซอสมะเขือเทศสด เนื่องจากเชฟเห็นว่าคนไทยชอบอาหารรสจัด จึงทำพิซซ่ารสจัดออกมาเสียเลย ใครที่บอกว่าอาหารอิตาเลียนมีแต่ของเลี่ยนและเค็มไม่จริงเสมอไป เพราะ Mangia Fuoco (680 บาท) คือพิซซ่ารสจัดจ้านที่ติดอันดับขายดีตั้งแต่ร้านเปิดวันแรก ใช้แต่วัตถุดิบรสจัดและเข้มข้นอย่าง เวนตริเชียนา ซาลามี (Salami Ventriciana), เอนดูย่า (Nduja) ซอสรสชาติคล้ายซาลามี มีความเผ็ดจากพริกแดงคาลาเบรียน (Calabrian) และสีสดยิ่งกว่า แถมยังมีพริกสดและกระเทียมเพิ่มเข้ามาอีก เมื่อหม่ำเข้าไปช่วงแรกอาจจะยังไม่รู้รสความเผ็ด แต่ความเร่าร้อนนั้นจะค่อยๆ ออกมาทีละนิด ทั้งนี้เชฟบรรเทาความเผ็ดด้วยสตรัชเชียเตลลา (Stracciatella) ซึ่งเป็นไส้ในสุดของบูราตาชีส โดยวางชีสเย็นจัดลงบนพิซซ่า ทำให้รสชาติพิซซ่ามีความนุ่มนวล ในขณะเดียวกันก็ยังคงเผ็ดร้อนจัดจ้านเหมือนเดิม หากยังไม่รู้สึกว่าเผ็ด คุณสามารถเหยาะน้ำมันพริกโฮมเมดเพิ่มได้

 

(บน) มื้อสนุกรสมือแม่ (ชาวอิตาเลียน) จานนี้เหมาะแบ่งรับประทานกันหลายๆ คน,

(ล่าง) ของหวานจากแถบชายฝั่งอมาลฟี

 

เสร็จจากอาหารหลายจาน มาปิดท้ายกันที่ของหวาน ซึ่งของหวานแบบอิตาเลียนไม่ได้มีแค่ทีรามิสุหรือเซมิเฟรดโด้เท่านั้น Delizia al Limone (290 บาท) จานนี้เป็นของหวานจากแถบชายฝั่งอมาลฟี (Amalfi) อันขึ้นชื่อของอิตาลี มีเลมอนเป็นองค์ประกอบหลัก แม้หน้าตาจะคล้ายเลมอนทาร์ต แต่รสชาติและสัมผัสกลับเข้มข้นและซับซ้อนยิ่งกว่า ก้อนที่เหมือนครีมชีสด้านบนทำมาจากมาสคาร์โปเนชีสผสมน้ำเลมอน ตีให้เข้ากันจนได้มูสสีเหลืองอ่อนเนื้อเนียนนุ่ม ชั้นรองลงมาเป็นบิสกิตเลดี้ฟิงเกอร์แช่ในเหล้าลิมอนเชลโล (Limoncello) จนชุ่มฉ่ำ กลิ่นหอมหวานของเลมอนและเหล้าเตะจมูกเป็นระยะ ซึ่งในส่วนนี้เชฟใช้วิธีการเดียวกับการทำทีรามิสุ ซึ่งแช่บิสกิตในเอสเพรสโซ เพียงแค่เปลี่ยนจากกาแฟเป็นเหล้าเลมอนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเลมอนเจลลีและครัมเบิลมาเสริมรสชาติและสัมผัสอีกด้วย จานนี้ได้ลิ้มลองแล้วรู้สึกสดชื่น ถือเป็นจานล้างปากได้ดี

 

What You Should Know

  • Blue 61 เป็นบลูชีสที่บ่มกับไวน์หวานและผลเบอร์รีจนมีสีม่วงบริเวณขอบ และมีกลิ่นหอมกว่าบลูชีสทั่วไป แถมกินง่ายขึ้นด้วย และเชฟยังเล่าให้ฟังว่าชีสชนิดนี้ผู้ผลิตทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานปีที่ 50 (แหม…ใครจะไปรู้ว่ามีเรื่องราวโรแมนติกอยู่เบื้องหลังบลูชีสก้อนม่วงๆ ก้อนนี้เสียด้วย)
  • มอสซาเรลลาชีสมีทั้งสีเหลือง เหลืองส้ม หรือสีขาวนวล ขึ้นอยู่กับนมว่าทำจากนมวัวหรือนมควาย แถมยังมีรสสัมผัสหลายรูปแบบ ซึ่งบูราตานั้นถือเป็นรูปแบบหนึ่งของมอสซาเรลลาที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะความมันและเนียนนุ่มของเนื้อครีมด้านใน โดยมักจะนำมาท็อปหน้าพิซซ่าหรือสลัด

 

Mozza by Cocotte

Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

Address: ชั้น G ศูนย์การค้าดิ เอ็มควอเทียร์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ

Contact: โทร. 09 7004 0072

Budget: เริ่มต้น 290 บาท

Page: www.facebook.com/Mozzabkk

Map: 

 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising