×

สธ. เผย ประสิทธิผลวัคซีนโควิดเข็ม 3 ป้องกัน ‘โอมิครอน’ สูงขึ้น ส่วน 2 เข็มไม่ป้องกัน ฉีดได้หลังครบ 3 เดือนทุกสูตร

โดย THE STANDARD TEAM
21.03.2022
  • LOADING...
กระทรวงสาธารณสุข

วันนี้ (21 มีนาคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน และ นพ.วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และแนวทางการให้วัคซีนโควิดของกระทรวงสาธารณสุข

 

นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิดในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าใกล้ 80% ฉีดเข็มสองตามมาเกิน 72% แล้ว แต่ฉีดเข็มสามได้ประมาณ 33% ซึ่งข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโรคโควิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 19 มีนาคม 2565 จำนวน 2,464 ราย อายุเฉลี่ย 73 ปี อายุน้อยสุด 3 เดือน อายุมากสุด 107 ปี มีหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย มีโรคประจำตัว 2,135 ราย มากที่สุดคือโรคความดันโลหิตสูง ตามด้วยเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไตเรื้อรัง มะเร็ง โรคอ้วน และปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยพบว่า 57% ไม่ได้ฉีดวัคซีน อีก 31% ฉีด 2 เข็มเกินกว่า 3 เดือน

 

ทั้งนี้ จากการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนจากการใช้จริงระยะที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนในพื้นที่เชียงใหม่ โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับคณะทำงานติดตามประสิทธิผลวัคซีนโควิด และคณะทำงานด้านวิชาการ ดำเนินการเก็บข้อมูลช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ 2565 พบว่า หากฉีด 2 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนได้ ฉีด 3 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 45-68% หากฉีด 4 เข็ม ป้องกันติดเชื้อได้ 82% ส่วนการป้องกันการเสียชีวิต หากฉีด 2 เข็ม ป้องกันได้ 85-93% ฉีด 3 เข็ม ป้องกันได้ 98% ส่วนการฉีด 4 เข็ม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต 

 

“จะเห็นได้ว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ไม่ช่วยเรื่องป้องกันการติดเชื้อและประสิทธิภาพป้องกันการเสียชีวิตน้อยลง จึงจำเป็นต้องฉีดเข็มที่ 3 ซึ่งนอกจากป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ยังลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้ด้วย เป็นการลดโอกาสติดเชื้อตั้งแต่ต้น ก็จะไม่ไปถึงการเสียชีวิตได้” นพ.เฉวตสรรกล่าว

 

ด้าน นพ.วิชาญกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้ประชุมและมีคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ดังนี้

 

  1. กลุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป ให้ฉีดเข็ม 3 ห่างจากเข็ม 2 ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปในวัคซีนทุกสูตร และฉีดเข็ม 4 ห่างจากเข็ม 3 ตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป โดยหากฉีดเข็มกระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer สามารถเลือกฉีดแบบครึ่งโดสได้ ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน 

 

  1. กลุ่มอายุ 12-17 ปี ให้เข้ารับวัคซีนชนิด mRNA เป็นเข็ม 3 โดยใช้ขนาดโดสมาตรฐาน มีระยะห่างจากเข็ม 2 เป็นเวลา 4-6 เดือนขึ้นไป สอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกและราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

 

  1. ผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโควิดมาก่อน ให้ฉีดวัคซีนตามหลักการเดียวกับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อ โดยให้วัคซีนหลังติดเชื้อเป็นเวลา 3 เดือน

 

นพ.วิชาญกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมความพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากผู้สูงอายุมีความเสี่ยงติดเชื้อและเสียชีวิตสูงกว่ากลุ่มอื่น โดยผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นจะมีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะนี้ได้สั่งการไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เร่งรัดค้นหาผู้สูงอายุในพื้นที่ที่ต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและที่ยังตกหล่น โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนผู้ที่ครบกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นให้ได้อย่างน้อย 70% ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งได้เตรียมวัคซีนไว้ถึง 3 ล้านโดส และจัดบริการฉีดวัคซีนทั้งในสถานบริการและฉีดเชิงรุกในพื้นที่ พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วน เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน สภาอุตสาหกรรม และภาคเอกชน เพื่อค้นหาและให้บริการฉีดวัคซีนประชาชน สื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจ รวมถึงจัดงานรณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ผู้สูงอายุรับรู้ในวงกว้าง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising