×

‘Salah Stays’ เบื้องหลังการต่อสัญญาใหม่ของ โม ซาลาห์ ที่มาแบบไม่คาดฝัน

02.07.2022
  • LOADING...
โมฮัมเหม็ด ซาลาห์

จากอีโมติคอน ‘หัวเราะ’ ของ รามี อับบาส ผู้เป็นเอเจนต์ของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่เริ่มทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกเกิดความสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับ ‘The Egyptian King’ ของพวกเขาหรือไม่ ท่ามกลางความกังวลใจมาโดยตลอดว่าทีมอาจจะเสียกองหน้าที่มีผลงานการถล่มประตูเป็นอันดับหนึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมาหากหมดสัญญาในฤดูกาลหน้า

 

แต่ความกังวลใจเริ่มกลายเป็นความตื่นเต้นแทนในอีก 2 ชั่วโมงถัดมา เมื่อสโมสรลิเวอร์พูลได้รีทวีตโพสต์ของอับบาส พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 7 วินาทีที่เป็นภาพเสื้อลิเวอร์พูลชุดเหย้าที่ถูกวางบนโซฟาริมสระน้ำที่มีวิวชายหาดและฟ้าสีครามอยู่ข้างหลัง

 

ก่อนที่ทุกอย่างจะได้รับการเฉลยและทำให้เดอะ ค็อปทั่วโลกฉลองด้วยความตื่นเต้น เมื่อลิเวอร์พูลโพสต์วิดีโอตัวที่ 2 โดยคราวนี้มีซาลาห์ที่ปรากฏตัวพร้อมใส่เสื้อชุดแข่งฤดูกาลหน้าและบอกสั้นๆแบบได้ใจความว่า Salah Stays! หรือซาลาห์ยังอยู่

 

ลิเวอร์พูลออกแถลงการณ์ยืนยันข่าวการต่อสัญญาของกองหน้าวัย 30 ปี ด้วยการระบุว่าเป็น ‘สัญญาระยะยาว’ ที่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียด และมีบทสัมภาษณ์ของซาลาห์ที่เปิดเผยความรู้สึกในการจรดปากกาครั้งนี้

 

ซาลาห์บอกว่าหลังจากที่ได้ใช้เวลาคิดและทบทวนมาสักระยะ สิ่งที่เขายังต้องการเหมือนเดิมคือการอยู่กับลิเวอร์พูลต่อไป และเชื่อมั่นว่าทีมซึ่งยังมีการปรับทัพเสริมทีมต่อเนื่องจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต

 

ส่วนตัวของเขา ‘พร้อมจะลุยอีกครั้ง’ แล้วเช่นกัน!

 

อย่างไรก็ดี กว่าจะมาถึงวันที่ซาลาห์บอกข่าวดีกับแฟนลิเวอร์พูลด้วยรอยยิ้มนั้นในเบื้องหลังของการเจรจาถือว่าไม่ง่ายเลย

 

ความคาดหวังที่ไม่ตรงกัน

เพราะการเจรจาซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ก่อนฤดูกาล 2020/21 ติดขัดมาโดยตลอด โดยปัญหาใหญ่คือเรื่องของเงินค่าเหนื่อยที่ความต้องการของซาลาห์กับสิ่งที่ลิเวอร์พูลพร้อมจะจ่ายนั้นยังห่างกันมาก

 

ขณะที่สโมสรที่มีการบริหารจัดการทุกอย่างเป็นระบบ และมีโครงสร้างค่าเหนื่อยของนักฟุตบอลที่จะไม่ยอมทำอะไรให้กระทบส่วนนี้เด็ดขาดนั้นพร้อมจะจ่ายให้ซาลาห์ที่สัปดาห์ละ 300,000 ปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดที่สโมสรจะจ่ายไหว แต่ดาวยิงอียิปต์นั้นมองว่าน้อยเกินไปสำหรับสถานะของเขาซึ่งเป็นหนึ่งในสตาร์ตัวท็อปที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษและในยุโรป

 

สิ่งที่ซาลาห์ต้องการคือการตอบแทนที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกับที่ เควิน เดอ บรอยน์ ได้รับจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ราว 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเรียกว่ายังมีระยะห่างระหว่างการเจรจากันมากเกินกว่าที่จะหาข้อตกลงตรงกลางได้

 

นั่นทำให้การเจรจายืดเยื้อ บวกกับลิเวอร์พูลเองได้ทยอยต่อสัญญาฉบับใหม่ขึ้นค่าเหนื่อยให้แกนหลักของทีมหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, อลิสสัน เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ และแม้แต่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่ก็มีปัญหาในการเจรจา เพราะสโมสรใช้หลัก ‘Moneyball’ ในการคำนวณความเหมาะสม แต่สุดท้ายเรื่องจบด้วยดีเพราะ เจอร์เกน คล็อปป์ เข้ามาแทรกแซงให้สโมสรต้องต่อสัญญากับ ‘หัวใจ’ ของทีมเอาไว้

 

เรื่องการต่อสัญญาของซาลาห์จึงถูกผลัดเรื่อยมาโดยที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะตกลงกันได้ และซาลาห์เองก็มีการ ‘หยอด’ ไปถึงสโมสรอื่นๆ โดยเฉพาะเรอัล มาดริด ที่สร้างความไม่พอใจให้แก่แฟนฟุตบอลพอสมควร

 

จุดเปลี่ยนสำคัญครั้งแรก

อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนสำคัญในการเจรจาเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในการพบกันที่ไมอามี ระหว่างฝ่ายบริหารของลิเวอร์พูลที่นำมาโดย ไมค์ กอร์ดอน ประธาน FSG และ รามี อับบาส ในฐานะตัวแทนของซาลาห์

 

การพบกันครั้งนั้นแม้จะยังไม่มีข้อตกลงกันแต่สัญญาณชัดเจนว่าซาลาห์ต้องการอยู่ในแอนฟิลด์ต่อไป และลิเวอร์พูลก็ต้องการที่จะเก็บตัวสตาร์หมายเลขหนึ่งของพวกเขาเอาไว้เช่นกัน แต่ปัญหาคือเรื่องของเงินค่าเหนื่อยที่ยังไม่มีข้อสรุป

 

จนกระทั่งในช่วงก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่ลิเวอร์พูลพ่ายต่อเรอัล มาดริดอีกครั้ง ซาลาห์ได้ประกาศชัดเจนว่า “ผมจะอยู่กับลิเวอร์พูลต่อไปในฤดูกาลหน้า” ซึ่งเท่ากับเป็นการโยนโจทย์ให้แก่ฝ่ายของสโมสรแล้วในเรื่องของการเจรจาต่อสัญญา หรือไม่เช่นนั้นหากไม่สามารถหาข้อสรุปได้จริงสตาร์ชาวอียิปต์จะสามารถเริ่มต้นเจรจากับสโมสรอื่นได้ตั้งแต่ 1 มกราคมปีหน้า (2023) และจะสามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระไม่มีค่าตัวตามกฎบอสแมน

 

เพราะลิเวอร์พูลไม่อาจเสียทั้งมาเนและซาลาห์ไปพร้อมกันได้

แต่ในเรื่องนี้เกิดจุดเปลี่ยนที่ 2 ที่มีผลอย่างมากคือการที่ ซาดิโอ มาเน กองหน้าคนสำคัญอีกคนของทีมได้ตัดสินใจที่จะอำลาแอนฟิลด์หลังสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าต้องการความท้าทายครั้งใหม่

 

ขณะที่ตามรายงานข่าวระบุว่าลึกๆ แล้วมาเนผิดหวังจากการที่สโมสรเสนอสัญญาใหม่ให้โดยขึ้นค่าเหนื่อยจากเดิมน้อยมากแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้อยกว่าคุณค่าที่เขาประเมินตัวเองที่มีต่อสโมสร ดังนั้น มาเนจึงเรียกร้องค่าตอบแทนที่เกือบ 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งลิเวอร์พูลไม่สามารถเสนอให้ได้ ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปบาเยิร์น มิวนิกที่ติดต่อมาและมองเห็นคุณค่าสูงกว่า

 

การจากไปของมาเนเป็นการเปิดประตูให้แก่ลิเวอร์พูลในการจะโยกเงินในกระเป๋าจากที่เคยจ่ายให้มาเนสัปดาห์ละ 180,000 ปอนด์ มาใช้เป็นงบในการเสนอสัญญาใหม่ให้แก่ซาลาห์ในตัวเลขที่ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

 

ตัวเลขนี้อาจจะยังไม่ถึงที่เดอ บรอยน์ได้รับจากแมนฯ ซิตี้ และยังน้อยกว่าที่ ดาบิด เด เคอา ได้รับจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็เป็นตัวเลขที่ทำให้ซาลาห์พอใจ

 

มีการคำนวณกันคร่าวๆ ว่าในสัญญาระยะเวลา 3 ปีที่ต่อกันใหม่จนถึงปี 2025 ลิเวอร์พูลจะต้องจ่ายให้ซาลาห์รวม 55 ล้านปอนด์ด้วยกัน หรือเฉลี่ยแล้วปีละ 18.3 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สโมสรระดับนี้พอรับได้ ไม่ได้กระทบกับโครงสร้างค่าเหนื่อยมากจนเกินไป และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความรู้สึกของนักเตะในทีมที่เข้าใจสถานะของซาลาห์

 

ข้อดีที่สุดของการต่อสัญญาครั้งนี้คือการที่ลิเวอร์พูลจะยังเก็บซาลาห์ที่เชื่อว่ายังอยู่ในช่วงพีคของการเล่นเอาไว้ได้ ทีมจะยังมีเสาหลักในแนวรุกเหลืออยู่ในระหว่างที่รอให้แนวรุกชุดใหม่อย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ และ ดีโอโก โชตา รวมถึงน้องใหม่อย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ พัฒนาตัวเองขึ้นมาเพื่อทดแทนในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ ซึ่งย่อมดีกว่าการเสียมาเนและอาจตัดใจขายซาลาห์ทิ้งตอนนี้ หรือการรอหมดสัญญาแล้วเสียไปแบบฟรีๆ ในฤดูกาลหน้า

 

เช่นนั้น จูเลียน วอร์ด ในฐานะผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่ที่มาแทน ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ร่วมกับ ไมค์ กอร์ดอน จึงเปิดการเจรจากับซาลาห์และอับบาส และทุกอย่างมีความคืบหน้าในทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (1 กรกฎาคม) ที่ผ่านมานี้เอง ที่เกาะไมโคนอสในประเทศกรีซที่ซาลาห์ไปพักร้อนอยู่

 

ก่อนจะทำวิดีโอยืนยันแบบง่ายๆ แต่มีอิมแพ็กสูงเป็นกระแสที่พูดถึงในโลกโซเชียลมีเดียตลอดคืนที่ผ่านมา

 

ว่าดาวยิงที่เป็นเจ้าของสถิติ 156 ประตูจากการเล่น 254 นัดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เป็นดาวซัลโวตลอดกาลอันดับที่ 9 ของสโมสรลิเวอร์พูล จะเดินหน้าล่าสถิติต่อไปในยุคใหม่ของทีม ‘หงส์แดง’

 

และน่าจะถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของสโมสรในช่วงฤดูร้อนนี้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising