กระทรวงการคลังเผยผลจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 เกินเป้า และสูงกว่าปีก่อน 10% โดยกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้สูงที่สุด โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่กรมสรรพสามิตเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ เป้า เหตุปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – มกราคม 2566) โดยระบุว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิถึง 836,643 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณถึง 91,339 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10%
โดยหน่วยงานที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ ได้แก่ 1. กรมสรรพากร ซึ่งจัดเก็บรายได้ 613,298 ล้านบาท จากประมาณการที่ 552,387 ล้านบาท เนื่องจากจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้มากขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ 2. หน่วยงานอื่นๆ เนื่องจากมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จากสัมปทาน โทรศัพท์เคลื่อนท่ีตามมาตรา 84 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และรายได้จากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่วิทยุระบบ FM 3. รัฐวิสาหกิจ เนื่องจากมีการนำส่งรายได้เหลื่อมจากปีงบประมาณก่อนหน้า และ 4. กรมศุลกากร เนื่องจากมีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี
อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ เนื่องจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกท่ีทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กูรูชี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเขย่าห่วงโซ่การผลิตโลก เตือนไทยมัวแต่เหยียบเรือสองแคม สุดท้ายอาจตกขบวน
- 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการประชุม APEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
- ต่างชาติแห่ปักหมุด ลงทุนเวียดนาม ยอด FDI พุ่งแซงไทยแบบไม่เห็นฝุ่น สัญญาณบ่งชี้ ไทยเริ่มไร้เสน่ห์?