×

ผู้หญิงจีนยุคใหม่: จากช้างเท้าหลังสู่กลุ่มผู้บริโภคทรงอิทธิพลที่สุดของโลก

18.03.2023
  • LOADING...

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในอดีตสังคมจีนเป็นสังคมชายเป็นใหญ่ และมีโครงสร้างทางวัฒนธรรมที่ค่อนข้างจำกัดสิทธิของผู้หญิง แต่ในปัจจุบันทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เมื่อผู้หญิงจีนกำลังเลือกใช้ชีวิตโสด และมุ่งมั่นในหน้าที่การงาน จนกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตลาดโลก 

 

ผู้หญิงจีนเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพล เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และถ้ามองให้กว้างขึ้น ผู้หญิงในเอเชียมีความมั่งคั่งมากกว่าผู้หญิงในภูมิภาคอื่นๆ ยกเว้นอเมริกาเหนือ โดยจีนเพียงแห่งเดียวก็มีเศรษฐีหญิงที่สร้างฐานะด้วยตัวเองคิดเป็น 2 ใน 3 ของทั้งโลก นำหน้าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร


 

บทความที่เกี่ยวข้อง:

 


จากข้อมูลของ Accenture บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก ประเทศจีนมีผู้บริโภคหญิงเกือบ 400 ล้านคนที่มีอายุระหว่าง 20-60 ปี คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายมากถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ (ราวๆ 48 ล้านล้านบาท) ต่อปี

 

แม้จะยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น การเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน ความไม่เท่าเทียมของรายได้ ความคาดหวังทางสังคมที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม พวกเธอกำลังพิสูจน์ว่าไม่ต้องการผู้ชายหรือครอบครัวเพื่อเติมเต็มความสุข แต่กำลังหาเงินเพื่อหาความสุขให้ตัวเอง 

 

ในปี 2022 อัตราการแต่งงานและการเกิดของจีนอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราการเกิดลดลงเหลือ 6.77 ต่อ 1,000 คน จาก 7.52 ในปีก่อนหน้า ทำให้ประชากรจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี แม้ทางการจีนจะออกนโยบายจูงใจต่างๆ เช่น ให้คู่บ่าวสาวลาหยุดงานโดยได้รับค่าจ้าง 30 วัน หรือเสนอเงินช่วยเหลือสำหรับการคลอดบุตร ก็ไม่เป็นผล เพราะนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรแล้ว การมีครอบครัวมักถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในสายอาชีพรวมถึงการเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมการทำงานของจีน

 

ภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดคือผู้หญิงจีนมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพื่อตัวเองมากขึ้น จากการศึกษาของ JD.com ในปี 2021 สัดส่วนการบริโภคของผู้หญิงเพื่อความต้องการของตนเองมากกว่าเพื่อครอบครัวอยู่ที่ 54% โดยใช้ไปกับสินค้าฟุ่มเฟือย การศึกษาและฝึกอบรม การท่องเที่ยว และบริการด้านสุขภาพเป็นหลัก เทรนด์นี้เห็นได้ชัดในกลุ่มเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จทางการเงิน 

 

ตามรายงานของ De Beers ในปีที่ผ่านมาผู้หญิงจีนซื้อเพชรเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปี 2018 นอกจากนี้ยังเป็นผู้ซื้อเครื่องประดับทองรายสำคัญของโลก ซึ่งคาดว่าความต้องการจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากจีนผ่อนปรนนโยบายเกี่ยวกับโควิด

 

การสำรวจในกลุ่ม High-Net-Worth Individuals หรือ HNWI (ผู้ที่มีทรัพย์สินเป็นเงินสดในธนาคารหรือเงินลงทุน มูลค่ารวมมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์) จำนวน 750 คน ทั้งชายและหญิง ของสถาบันวิจัย Hurun พบว่า คนในกลุ่มนี้ตั้งใจที่จะใช้จ่ายกับเครื่องประดับ นาฬิกา และแฟชั่นมากขึ้น โดยแบรนด์แฟชั่นขวัญใจเศรษฐินีจีน ได้แก่ Hermès, Louis Vuitton และ CHANEL ส่วนเครื่องประดับได้แก่ Bulgari, Cartier และ Van Cleef & Arpels ในขณะที่ Rolex, Patek Philippe และ Bulgari เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีผู้ชื่นชอบมากที่สุด 

 

โดย GAM Investments เปิดเผยว่า กระเป๋า Hermès Birkin สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 14.2% ตั้งแต่ปี 1980-2015 ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8.7% ของ S&P 500 ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้บริโภคชาวจีนที่เข้าใจการลงทุนก็หันไปหาเครื่องประดับทองและแบรนด์นาฬิกาหรู เช่น Rolex และ Patek Philippe ในช่วงที่เศรษฐกิจที่ชะลอตัว สินค้าหรูหราระดับพรีเมียมและคลาสสิกจะยังคงดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มนี้ในจีนต่อไปในอนาคตอันใกล้

 

นอกจากนี้ ผู้หญิงจีนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองทั้งด้านร่างกายหรือจิตใจ ในปี 2022 ผู้หญิงบน JD.com ใช้เวลามากกว่าผู้ชาย 1.43 เท่า ไปกับฟิตเนสและอุปกรณ์กลางแจ้ง สอดคล้องกับข้อมูลของ LeFit เครือข่ายฟิตเนสของจีน พบว่าสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง คิดเป็น 54% และความถี่ในการออกกำลังกายก็สูงกว่าผู้ชายด้วย ขณะที่การใช้จ่ายไปกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการฝึกอบรมเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบปีต่อปี

 

เมื่อเลือกที่จะไม่มีครอบครัว ผู้หญิงจีนก็หันมาดูแลสัตว์เลี้ยงแทนลูก จากรายงานของ Bain พบว่า 45% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงรายใหม่ในจีนเกิดในช่วงปี 1990 และ 60% เป็นผู้หญิงโดยทุ่มเทกำลังทรัพย์เพื่อดูแลเพื่อนสี่ขา ทำให้ค่าอาหารเฉลี่ยต่อสัตว์เลี้ยงหนึ่งตัวเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้รายงานจาก Alibaba ยังระบุว่า ในช่วงเทศกาลวันคนโสดปี 2022 ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมแซงหน้าหมวดหมู่อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงจีนต้องการแต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนขนฟูของตน

 

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising