Google ต้องกลัวจริงหรือ? เมื่อ Microsoft เกทับว่าเป็นผู้นำวิวัฒนาการยุคต่อไป

แข่งกันเกทับชนิดที่ไม่มีใครยอมใครจริงๆ สำหรับ Microsoft และ Google ในสงคราม AI ที่มี ChatGPT มาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งล่าสุด Microsoft ได้ออกมาพูดว่า ตัวเองกำลังเป็นผู้นำวิวัฒนาการยุคต่อไปของอินเทอร์เน็ต หลังเปิดตัว Bing-Edge เสิร์ชเอนจินและเว็บเบราว์เซอร์ที่ผสานรวมกับแชตบอตปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชื่อดัง

“AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกหมวดหมู่ของซอฟต์แวร์ โดยเริ่มจากหมวดหมู่ที่ใหญ่ที่สุดของทั้งหมด นั่นคือการค้นหา” สัตยา นาเดลลา ประธานและซีอีโอของ Microsoft กล่าวในแถลงการณ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เพิ่มประสิทธิภาพให้แม่นยำขึ้น

Microsoft เล่นใหญ่ด้วยการเชิญนักข่าว บรรณาธิการ และช่างภาพ เกือบ 100 คน มาเพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่สำนักงานใหญ่ในเรดมันด์ รัฐวอชิงตัน

ยูซุฟ เมห์ดี รองประธานฝ่ายองค์กรของ Microsoft ใช้อินเทอร์เฟซการสนทนาใหม่ เพื่อค้นหาโทรทัศน์ขนาด 65 นิ้วที่เหมาะกับวิดีโอเกม จากนั้นเขาใช้แชตบอตเพื่อวางแผนท่องเที่ยวในเม็กซิโกและค้นคว้าเกี่ยวกับกวีชาวญี่ปุ่นด้วยคำถามสั้นๆ เขาสามารถขอให้ระบบแปลผลลัพธ์จากภาษาสเปนเป็นภาษาอังกฤษหรือแสดงบทกวีไฮกุโดยเฉพาะ

“คุณเห็นไหมว่านี่ดีกว่าการค้นหาในปัจจุบันมาก” ประธานฝ่ายองค์กรของ Microsoft กล่าว

ยักษ์เทคระบุว่า Bing ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผู้คนสามารถถามคำถามเกี่ยวกับเครื่องมือค้นหาของตนและรับคำตอบที่สร้างโดย AI ซึ่งดึงมาจากแหล่งข้อมูลทั่วอินเทอร์เน็ต จะมาพร้อมการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอัลกอริทึม ซึ่งจะสร้างผลลัพธ์ที่แม่นยำและตรงประเด็นมากขึ้น

ด้านเว็บเบราว์เซอร์ Edge ใหม่จะมีคุณสมบัติ AI รวมถึงแถบด้านข้างที่สามารถให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังดูหรือช่วยคุณเขียนข้อความเพื่อโพสต์

เบื้องต้น Bing เวอร์ชันใหม่จะถูกทดสอบโดยผู้คนในวงจำกัด หลังจากนั้น Microsoft วางแผนที่จะขยายการเข้าถึงผู้คนอีกหลายล้านคนภายในสิ้นเดือนนี้

สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในรอบ 15 ปี

นาเดลลาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังการเปิดตัวว่า Microsoft กำลังทำงานอย่าง ‘เร่งรีบ’ เพื่อรวมเทคโนโลยีเข้ากับผลิตภัณฑ์ของตน ด้วยการเปิดตัวเครื่องมือค้นหาใหม่ที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คน พร้อมย้ำว่า Microsoft จะไม่ทำตัวเหมือนถูก ‘ผูกมัดโดยธุรกิจเก่า’ เมื่อต้องทำงานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ

แม่ทัพ Microsoft ย้ำว่า การค้นหาเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มาก ดังนั้นการพัฒนาเหล่านี้จึงสะท้อนถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Microsoft และ “การค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ Microsoft นับตั้งแต่เปิดตัวระบบคลาวด์เมื่อ 15 ปีที่แล้ว”

นาเดลลาก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอของ Microsoft ในปี 2014 ซึ่งเป็นจังหวะที่ยักษ์เทคกำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจจากซอฟต์แวร์ไปสู่ระบบคลาวด์ หลังผิดหวังในธุรกิจคอมพิวเตอร์พกพา

Microsoft Azure กลายเป็นฮีโร่ที่กอบกู้รายได้ ซึ่งวันนี้มีส่วนแบ่งเป็นรองเพียง Amazon Web Services และนำหน้า Google ในตลาดโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์

“คุณจะมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีได้ก็ต่อเมื่อคุณเก่งพอที่จะมองเห็นคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง จากนั้นปรับทิศทางของเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเพิ่มโมเดลธุรกิจใหม่” นาเดลลากล่าว “เราผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เราพบคือมือถือและคลาวด์ ซึ่งเราจับได้หนึ่งตัวและพลาดไปหนึ่งตัว”

กดดัน Google ได้จริงหรือ?

หนึ่งวันก่อนหน้านี้ Google ได้ชิงเปิดตัวแชตบอต AI ที่ชื่อว่า Bard โดยใช้เทคโนโลยีทดลองที่เรียกว่า LaMDA ซึ่งย่อมาจาก Language Model for Dialogue Applications พร้อมกับย้ำว่า เสิร์ชเอนจินของ Google จะมีฟีเจอร์ AI ที่นำเสนอข้อมูลสรุปที่ซับซ้อนในไม่ช้า

ดูเผินๆ Bard และ Bing ดูคล้ายกันมากเมื่อมองจากภายนอก ส่วนเรื่องประสิทธิภาพยังเป็นเรื่องที่ต้องทดสอบต่อไป เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปได้ทดลอง

การที่ Microsoft ทุ่มเงินจำนวนมากให้กับ AI ตลอดจนการเปิดตัว Bing เวอร์ชันใหม่ ทำให้หลายคนอาจมองว่าจะเข้ามากดดันยักษ์ใหญ่อย่าง Google และเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่ต้องระวังหรือไม่

แต่ในความเป็นจริงแล้ว Google อาจไม่ได้สะเทือนมากนัก เพราะเป็นเสิร์ชเอนจินที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกด้วยส่วยแบ่งกว่า 92.2% ขณะที่ Bing ของ Microsoft มีส่วนแบ่งที่น้อยนิดอยู่ราว 3.42% เท่านั้น

ดันนั้น Bing จะต้องนำเสนอบางสิ่งที่เร้าใจเพื่อชนะใจผู้ใช้ Google เช่นเดียวกับ Edge เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ยังคงเป็นของ Chrome ซึ่งเป็นบัลลังก์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของ Internet Explorer ของ Microsoft มาก่อน

ไม่แปลกที่บนเวทีผู้บริหารของ Microsoft จะเร่งทำคะแนนด้วยการเกทับ Google อยู่หลายครั้ง พร้อมกับบอกว่า การค้นหาไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือก้าวหน้าไปมากนักในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พร้อมเสริมว่า การค้นหาไม่ได้ทำงานได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หรือควรสำหรับคนส่วนใหญ่ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะนำนวัตกรรมกลับมาสู่การค้นหา

อ้างอิง: