×

กระทรวงต่างประเทศชี้แจง ยืนยันไม่ได้เบรก กรณีโปแลนด์บริจาควัคซีน Moderna ให้ รพ.ธรรมศาสตร์

โดย THE STANDARD TEAM
27.10.2021
  • LOADING...
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วานนี้ (26 ตุลาคม) ธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงกรณีมีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเบรกการบริจาคหรือการนำเข้าวัคซีน Moderna จากโปแลนด์ให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า เป็นรายงานที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง มีรายละเอียดดังนี้

 

  1. กระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 ฉบับ ได้แก่ 1) ที่ อว 67/ร1135 ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2564 และ 2) ที่ อว 67/264 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2564 แจ้งว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับแจ้งจากองค์กร Rządowa Agencja Rezerw Strategicznych (RARS) ซึ่งเป็นองค์กรของโปแลนด์ที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องวัคซีนในการป้องกันไวรัสโควิด ว่ามีความประสงค์บริจาควัคซีน Moderna จำนวน 3,000,000 โดส ให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งต่อมาแจ้งเพิ่มเติมว่ามีความพร้อมที่จะจัดส่งวัคซีน 1,500,000 โดส

 

ในการนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศในการนำวัคซีนดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ อำนวยความสะดวกตรวจสอบวัคซีน ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของโปแลนด์ในการจัดส่งวัคซีนดังกล่าวจากโปแลนด์มายังประเทศไทย และขอบคุณโปแลนด์ในนามประเทศไทย

 

  1. จากข้อเท็จจริงข้างต้น จะเห็นได้ว่าหน่วยงานผู้บริจาคคือ RARS และหน่วยงานผู้รับบริจาคคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้หารือเรื่องการบริจาควัคซีนดังกล่าวโดยตรงกันมาตั้งแต่แรก โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่เคยขัดขวางการหารือดังกล่าวในรูปแบบใดๆ

.

  1. อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศไม่เคยได้รับการยืนยันเรื่องการบริจาคนี้ในระดับรัฐบาลผ่านกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์หรือสถานเอกอัครราชทูตโปแลนด์ประจำประเทศไทย โดยสถานะล่าสุดที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ คือหน่วยงานต่างๆ ของโปแลนด์ยังหารือกันอยู่ในเรื่องการบริจาคนี้ โดยที่การบริจาคในระดับรัฐบาลยังไม่ได้รับการยืนยัน ในขณะที่ RARS ได้แจ้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วว่าประสงค์จะบริจาควัคซีนให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

 

หนังสือกระทรวงการต่างประเทศตามที่เป็นข่าวจึงระบุว่า น่าจะเป็นการเหมาะสมที่หน่วยงานผู้รับบริจาคคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะหารือโดยตรงกับหน่วยงานผู้บริจาค คือ RARS  โดยไม่มีข้อความใดในหนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นข่าว ที่คัดค้านหรือ ‘เบรก’ ว่าไม่เห็นด้วยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะดำเนินการเรื่องการบริจาคหรือการนำเข้าวัคซีนจากโปแลนด์มายังประเทศไทยในครั้งนี้

 

  1. ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ระบุว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีอำนาจในการตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขแก่ประชาชนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หมายความรวมถึงการจัดหาหรือนำเข้าวัคซีนและเวชภัณฑ์ด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับที่องค์กรอื่นเคยดำเนินการมาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศไม่มีอำนาจเชิงกฎหมายใดที่จะ ‘เบรก’ การดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการทำความตกลงกับหน่วยงานต่างประเทศหรือการนำเข้าวัคซีนตามที่เป็นข่าว 

 

  1. กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ไม่มีบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางที่จะสามารถสนับสนุนการตรวจสอบวัคซีน การจัดส่งวัคซีน หรือการนำเข้าวัคซีน ตามที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร้องขอ เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ต้องใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาคุณภาพของวัคซีน ทั้งยังมีกฎหมายควบคุมหลายฉบับเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของประชาชน กระทรวงการต่างประเทศจึงได้แนะนำให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หารือกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรงในเรื่องนี้ และน่าจะอยู่ในสถานะที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดีกว่ากระทรวงการต่างประเทศ

 

  1. ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งการบริจาควัคซีน AstraZeneca และวัคซีน Pfizer จากมิตรประเทศเกือบ 10 ประเทศมายังรัฐบาลไทย ในสัญญาระหว่างประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับบริจาคทุกฉบับ มีประเด็นสำคัญที่สุดประเด็นหนึ่งคือ ประเด็นการชดเชยความเสียหาย (Indemnity) ในกรณีที่ผู้รับการฉีดวัคซีนเกิดผลข้างเคียง ด้วยเหตุนี้ หนังสือกระทรวงการต่างประเทศที่เป็นข่าว จึงให้คำแนะนำว่า นอกจากเรื่องกระบวนนำเข้าวัคซีนแล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อาจพิจารณาหารือกรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นหน่วยงานโดยตรง ในประเด็นการชดเชยความเสียหายด้วย ทั้งนี้  เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศคำนึงถึงการให้ความคุ้มครองสูงสุดแก่ประชาชนผู้รับการฉีดวัคซีนเป็นหลัก

 

  1. นอกจากนี้ ในการทำสัญญาระหว่างประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับการบริจาควัคซีน AstraZeneca และวัคซีน Pfizer ตามข้อ 6. ทุกฉบับ บริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้องรับทราบและให้ความเห็นชอบการบริจาค ทั้งสัญญาการบริจาคทุกฉบับยังมีรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย อาทิ การห้ามมิให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาจำหน่ายเพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยที่การดำเนินการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ข้างต้นจะเป็นการรับบริจาควัคซีน Moderna เป็นครั้งแรก และกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้มีส่วนร่วมในการเจรจาสัญญาการบริจาคระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ RARS กระทรวงการต่างประเทศจึงให้คำแนะนำโดยสุจริตใจและอย่างมืออาชีพว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น่าจะพิจารณากระบวนการรับบริจาคอย่างถี่ถ้วน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เองไม่ให้ถูกร้องเรียนจากฝ่ายใดในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถูกมองว่ามีผลประโยชน์เชิงพาณิชย์เกี่ยวข้องกับวัคซีนที่ได้รับบริจาค

 

  1. กระทรวงการต่างประเทศได้มีบทบาทแข็งขันในการเจรจาจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทย ทั้งในรูปแบบการซื้อ ซื้อต่อ แลกเปลี่ยน และรับบริจาค มาโดยตลอด และมุ่งมั่นที่จะดำเนินภารกิจสำคัญนี้ต่อไป โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยสูงสุดของประชาชนทุกคนที่อาศัยในประเทศไทย
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising