×

Metaverse ยังเป็นความหอมหวานที่ควรค่าแก่การรอหรือไม่? เมื่อ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ สูญเสียความร่ำรวยไปแล้ว 3.8 ล้านล้านบาทในเวลาเพียง 13 เดือน

28.10.2022
  • LOADING...
Metaverse

ความร่ำรวยของ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ได้หายไปทันที 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ Meta Platforms Inc. รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้ความมั่งคั่งของเขาได้ลดลงรวมมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือมากถึง  3.8 ล้านล้านบาทในเวลาเพียง 13 เดือน

 

ซักเคอร์เบิร์กซึ่งถือหุ้นมากกว่า 350 ล้านหุ้นใน Meta เคยเป็น 1 ใน 3 ของทำเนียบมหาเศรษฐีร่วมกับ เจฟฟ์ เบโซส์ และ บิล เกตส์ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอันดับที่ 23 ด้วยทรัพย์สิน 3.81 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามดัชนี Bloomberg Billionaires Index

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ตัวเลขดังกล่าวพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยมีความร่ำรวยสูงสุดที่ 1.42 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน 2021 ในขณะที่วันประกาศรีแบรนด์ Facebook ซักเคอร์เบิร์กมีความมั่งคั่งอยู่ที่ 1.18 แสนล้านดอลลาร์

 

หุ้นของ Meta ร่วงลง 24.5% ในวันที่ 27 ตุลาคม หลังจากนักลงทุนผิดหวังในผลประกอบการ ในขณะที่ซักเคอร์เบิร์กยังยันเดินหน้าลงทุนใน Metaverse รวมถึงการลงทุนปัญญาประดิษฐ์ที่กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเครือข่ายสังคมออนไลน์

 

ถึงหุ้นของบริษัทแม่อย่าง Meta Platforms Inc. สูญเสียมาร์เก็ตแคปไปแล้ว 6.76 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 25.6 ล้านบาทในปีนี้ ทำให้หลุดตำแหน่ง 20 บริษัทที่ใหญ่สุดของโลก แต่ซักเคอร์เบิร์กมั่นใจว่าการเดิมพันที่ใหญ่ที่สุดของ Meta ในด้านต่างๆ เช่น วิดีโอแบบสั้น การส่งข้อความทางธุรกิจ และ Metaverse กำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง

 

แม้ซักเคอร์เบิร์กไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าผลตอบแทนจะมากเพียงใดจากการทุ่มเงินที่อาจเป็นเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่เขาก็ได้กล่าวว่า “ฉันเข้าใจดีว่าหลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ฉันซาบซึ้งในความอดทน (ของนักลงทุน) และฉันคิดว่าผู้ที่อดทนและลงทุนกับเราจะได้รับรางวัล”

 

ยักษ์โซเซียลกำลังต่อสู้กับทั้งการใช้จ่ายของนักการตลาดที่หดตัว เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Apple Inc. ที่ทำให้โฆษณาโซเชียลมีเดียทั้งหมดมีประสิทธิภาพน้อยลง

 

ถึง Meta ได้ลดต้นทุนด้วยการชะลอการจ้างงาน มุ่งเน้นที่การรักษาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญกับ Metaverse แต่ Meta ประเมินว่าค่าใช้จ่ายในปี 2023 จะเพิ่มขึ้นเป็น 9.6 หมื่นดอลลาร์ – 1.01 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนต่างเป็นห่วงและต้องการใช้ควบคุมต้นทุนให้มากขึ้น

 

ในปีที่ผ่านมา Meta ได้เปลี่ยนประสบการณ์ของ Facebook และ Instagram เพื่อแสดงเนื้อหาที่เลือกใช้อัลกอริทึมมากขึ้น และโพสต์จากคนที่ผู้ใช้ติดตามน้อยลง นอกจากนี้ยังจัดลำดับความสำคัญของวิดีโอแบบสั้นที่เรียกว่า Reels เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งอย่างแอปพลิเคชัน TikTok

 

จากการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 พบว่า ผู้คนใช้เวลามากขึ้น 4% บนแพลตฟอร์มของ Meta ทุกวัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีผู้ใช้งาน 2.93 พันล้านคนต่อวัน เมื่อรวมกับแอปอื่นๆ เช่น Messenger และ WhatsApp ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีมีผู้ใช้งาน 3.71 พันล้านคนต่อวันด้วยกัน

 

ด้าน Instagram มีผู้ใช้งานมากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือน และกล่าวว่าผู้คนเหล่านี้ใช้เวลาดู Reels มากขึ้น และนักการตลาดก็ใช้จ่ายเพื่อโฆษณาที่นั่นในอัตราโดยนัย 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

 

แต่กระนั้นก็ไม่ได้ช่วยดึงความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ สะท้อนจากหุ้นที่ร่วงลงอย่างรุนแรง แม้ว่าครั้งหนึ่งซักเคอร์เบิร์กจะขอให้นักลงทุนอดทนรอมาก่อน เมื่อตอบคำถามในปี 2015 ว่า เมื่อไรที่ WhatsApp, Instagram และ Messenger จะทำเงินได้ ซึ่งความแตกต่างสำคัญก็คือแอปเหล่านั้นมีผู้ใช้หลายร้อยล้านคนอยู่แล้ว

 

“Meta จำเป็นต้องพลิกธุรกิจ” นักวิเคราะห์จาก Insider Intelligence กล่าว “ครั้งหนึ่ง Facebook Inc. เคยเป็นบริษัทที่เข้ามาปฏิวัติเปลี่ยนวิธีการสื่อสารของผู้คนและวิธีที่นักการตลาดโต้ตอบกับผู้บริโภค แต่วันนี้พวกเขาไม่ใช่ผู้บุกเบิกนวัตกรรมใหม่อีกต่อไป”

 

ภาพ: Chip Somodevilla / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising