×

เอ็มบัปเป vs. เปแอสเช เหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกเพื่อนกัน?

12.10.2022
  • LOADING...
คีเลียน เอ็มบัปเป

ฟ้าผ่ากลางปารีสเมื่อวานนี้หลังเกิดกระแสข่าวช็อกเกี่ยวกับอนาคตของ คีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าอันดับหนึ่งของวงการลูกหนังเมืองน้ำหอมที่ต้องการย้ายออกจากทีมเร็วที่สุด เพราะรู้สึกว่าถูกสโมสร ‘หักหลัง’

 

เรื่องนี้กลายเป็น Talk of the World ของโลกฟุตบอลทันทีเพราะนักเตะระดับเอ็มบัปเปนั้นคือหนึ่งในกลุ่ม Elite ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่ลูกหนัง (ล่าสุดเป็นนักฟุตบอลที่มีรายได้สูงสุดจากการจัดอันดับของ Forbes เป็นที่เรียบร้อย) ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามจึงพร้อมสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างรุนแรง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำว่า ‘ย้ายทีม’ เพราะถูก ‘หักหลัง’

 

มันเกิดอะไรขึ้นในปาร์กเดแพร็งส์กันแน่?

 

คำร้องขอจากคนที่ถูกหักหลัง

ข่าวเรื่องการแตกหักระหว่างเอ็มบัปเปกับเปแอสเชถูกอ้างอิงจาก มาริโอ กอร์เตกานา ผู้สื่อข่าว Marca สำนักข่าวกีฬาในสเปน แต่ความจริงแล้วสำนักข่าวแรกที่รายงานเรื่องนี้คือ RMC Sport ในฝรั่งเศส

 

โดยในรายงานข่าวระบุว่า เอ็มบัปเปได้ขอย้ายออกจากทีมและหวังว่าจะสามารถไปจากเปแอสเชได้ภายในเดือนมกราคมนี้ รายงานจาก RMC Sport ยังระบุอีกด้วยว่าทางต้นสังกัดรับทราบเรื่องนี้และพร้อมที่จะ ‘ให้ความร่วมมือ’ กับกองหน้ารายนี้เป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ดีเรื่องที่เป็นจุดสำคัญและเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์ที่สุดคือ ‘เงื่อนไข’ ของเปแอสเชที่จะเปิดทางให้เอ็มบัปเปได้ย้ายออกจากทีม


จะไปทีมไหนก็ได้แต่ไม่ใช่เรอัล มาดริด สโมสรในฝันของเขา

 

ไม่ใช่แค่เอ็มบัปเป แฟนบอลทั่วโลกก็ร้อง ‘อ้าว’ เหมือนกัน…

 

สัญญาไม่เป็นสัญญา

สำหรับเอ็มบัปเป ประเด็นสำคัญที่ทำให้กองหน้าวัย 23 ปี รู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรงจนถึงขั้นคิดแตกหักกับสโมสร คือเรื่องของสัญญาที่ไม่เป็นสัญญา

 

ย้อนกลับไปในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาเป็นที่เชื่อกันว่าหนึ่งในกองหน้าที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในยุคนี้ (ร่วมกับ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์) ถูกคาดหมายว่าย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ทีมที่เอ็มบัปเปออกตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นทีมในฝันและหวังอยากจะเดินตามรอยฮีโร่ของเขาอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด


แต่สุดท้ายแล้วการย้ายทีมไม่เกิดขึ้นเมื่อเปแอสเชทำทุกอย่างเพื่อที่จะรั้งตัวเอ็มบัปเปเอาไว้ให้ได้

 

การทำทุกอย่างนั้นมีตั้งแต่การเสนอสัญญาฉบับใหม่ในระยะสั้น 2 ปี พร้อมออปชันอีก 1 ปี (เพื่อเปิดทางสำหรับการย้ายทีมในอนาคต) โดยใน 3 ปีนี้จะได้รับค่าตอบแทนทั้งหมด 250 ล้านยูโร แบ่งเป็นเงินค่าเซ็นสัญญาอย่างเดียว 100 ล้านยูโร และค่าเหนื่อยอีกปีละ 50 ล้านยูโร

 

เปแอสเชยังเสนอให้เขามีสถานะเป็นเหมือนผู้อำนวยการสโมสรที่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเซ็นสัญญานักเตะคนไหนเข้าทีม และเช่นกันคือการปล่อยนักเตะคนไหนออกจากทีมก็ได้ โดยที่มีการดึง หลุยส์ คัมโปส ผู้อำนวยการสโมสรที่เคยร่วมงานกับเอ็มบัปเปตั้งแต่อยู่ในทีมโมนาโกมาแทนที่ของเลโอนาร์โด เพื่อเป็นตราประทับให้

 

การเกลี้ยกล่อมยังไปไกลถึงขั้นที่ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต่อสายตรงถึงเขาเพื่อขอร้องให้อยู่ในปาร์กเดแพร็งส์ต่อไปก่อน ซึ่งที่เป็นเช่นนั้นเพราะมาครงมีความสนิทสนมกับฝ่ายของ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสรเปแอสเชอย่างใกล้ชิด

 

ฝั่งทุนจากกาตาร์ที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 นั้นยังต้องการให้เปแอสเชมี 3 ประสานสุดยอดอย่างเอ็มบัปเป เนย์มาร์ และ ลิโอเนล เมสซี ต่อไป

 

แต่เอ็มบัปเปไม่ได้ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งใน 3 ประสาน เขาต้องการเป็นเบอร์หนึ่ง และหนึ่งในศัตรูของเขาคือเนย์มาร์ ที่เคยเป็นลูกพี่ใหญ่ของสโมสรมาก่อนหน้า จนนำไปสู่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างทั้งสองที่กลายเป็นข่าวครึกโครมก่อนหน้านี้

 

ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้เอ็มบัปเป ต้องการเขี่ยกองหน้าชาวบราซิลออกจากทีมให้ได้ และพยายามบีบให้สโมสรขายเนย์มาร์ออกไปในช่วงตลาดการซื้อขายรอบที่ผ่านมา แต่ทำไม่สำเร็จ ในทางตรงกันข้ามเนย์มาร์กลับผนึกกำลังกับเมสซี เล่นเข้าขากันอย่างยอดเยี่ยมในช่วงต้นฤดูกาลทำให้ทุกอย่างลำบากขึ้นไปอีก

 

โดยทางฝั่งของเนย์มาร์เองรู้ว่าเอ็มบัปเปเล่นไม่ซื่อหวังแทงหลัง ก็ยิ่งทำทุกอย่างเพื่อสั่งสอนเด็กน้อยว่า ใครกันแน่ที่เป็นของจริง ซึ่งแฟนบอลทั่วโลกได้เห็นครั้งหนึ่งที่เอ็มบัปเปขอบอลมายิงจุดโทษแต่รุ่นพี่ยืนกรานไม่ให้ จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาก่อนเรื่องจะเงียบไปสักพัก

 

การคงอยู่อย่างเข้มแข็งของเนย์มาร์คือคำสัญญาแรกที่ไม่ได้รับการตอบสนอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการซื้อกองหน้าใหม่ในแบบ ‘หมายเลข 9’ ที่จะมาจับคู่กับเขาเหมือนที่มี คาริม เบนเซมา ในทีมชาติฝรั่งเศส แต่ก็ไม่มีใครย้ายเข้ามาทำให้ คริสตอฟ กาลติเยร์ โค้ชคนใหม่เลือกระบบการเล่นแบบ 4-3-3 จับเอ็มบัปเปไปยืนริมเส้นฝั่งซ้ายที่เขาไม่ต้องการ

 

ในเกมลีกเอิงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเปแอสเชพบกับแร็งส์ และจบลงด้วยการเสมอ 1-1 ทางด้านเอ็มบัปเปยังโพสต์ Instagram Story ติดแฮชแท็ก #pivotgang ซึ่งสื่อถึงแทคติกที่ไม่ได้ผล เมื่อเขาโดนจับไปยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยมี การ์ลอส โซเลร์ และ ปาโบล ซาราเบีย เป็นตัวทำเกมอยู่ข้างหลัง

 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกองหลังที่ไม่มีนักเตะใหม่เข้ามาเสริม ไปจนถึงการเคลียร์นักเตะเก่าที่ไม่จำเป็นอีกหลายคนที่ไม่สำเร็จ ซึ่งสำหรับเอ็มบัปเปแล้วคือการผิดคำสัญญาที่บอกว่าจะให้เป็น ‘ศูนย์กลาง’ ของสโมสรที่มีอำนาจการตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้

 

และนั่นนำไปสู่การแตกหักกับศัตรูตัวจริง

 

The Last Boss

ปัญหาสำหรับเอ็มบัปเปคือการที่ศัตรูตัวจริงของเขานั้นเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งในระดับ ‘บอสตัวสุดท้าย’

 

การมีปัญหากับคนอย่าง นาสเซอร์ อัล เคไลฟี รวมถึง อันเตโร เอ็นริเก คนที่ประธานสโมสรชาวกาตาร์ผู้ทรงอำนาจเลือกมาเพื่อบริหารจัดการเกี่ยวกับการเจรจาซื้อขายนักเตะตัวจริง (มิใช่คัมโปสแต่อย่างใด)​ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน

 

นับตั้งแต่ที่อัล เคไลฟี ถูกส่งมาเป็นตัวแทนบริหารจัดการสโมสรแห่งนี้ เขาไม่เคยแสดงให้เห็นสักครั้งว่าจะเป็นฝ่ายยอมใคร ในทางตรงกันข้ามหากอัล เคไลฟี ต้องการอะไรแล้วไม่มีอะไรที่เขาไม่ได้

 

เหมือนเช่นการคว้าตัวเนย์มาร์มาแบบช็อกโลกในปี 2017 ที่จ่ายเงินค่าปลดสัญญา 222 ล้านยูโรจนทำให้บาร์เซโลนาได้แต่อ้าปากค้าง ขนาดลาลีกาพยายามยื่นมือเข้ามาแทรกแซงช่วยเหลือก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเปแอสเช ทำทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด

 

ในวันที่เนย์มาร์ต้องการจะย้ายกลับไปบาร์ซาอีกครั้งเพราะรู้สึกผิดที่จากมา อัล เคไลฟีก็แสดงให้เห็นว่าต่อให้เป็นบาร์ซาหรือซูเปอร์สตาร์ของโลกอย่างเนย์มาร์ก็ไม่สามารถบีบเขาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะพยายายามสักกี่ครั้งก็จบลงด้วยความล้มเหลวทุกครั้งไป

 

มากกว่านั้นคือในวันที่บาร์ซาหักหลัง ลิโอเนล เมสซี ด้วยการบอกว่าไม่สามารถเซ็นสัญญาใหม่ได้ด้วยติดขัดเรื่องกฎการเงินทั้งๆ ที่ราชาลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์แต่งตัวรอเตรียมที่จะเซ็นสัญญาด้วยรอยยิ้มอยู่แล้ว อัล เคไลฟีได้รับสายจาก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน อดีตโค้ชในเวลานั้น และตกลงที่จะคว้าตัวนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาลมาเพื่อความยิ่งใหญ่ของสโมสร

 

เอ็มบัปเป? เขาเองก็เจอมากับตัวในช่วงปีที่แล้วที่พยายามบีบขอย้ายไปเรอัล มาดริด โดยที่ทีมดังจากสเปนพยายามเสนอเงินค่าตัวให้ในระดับมหาศาลถึง 200 ล้านยูโร แต่อัล เคไลฟีไม่สนใจเงินจำนวนนี้ เขาแค่ต้องการสั่งสอนทีมราชันชุดขาวว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจสูงสุดในตอนนี้ และสุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงที่การต่อสัญญาใหม่ของเอ็มบัปเป

 

การต่อสัญญาใหม่นี่เองที่จะกลายเป็นโซ่ตรวนที่มัดตัวเอ็มบัปเปไว้กับเปแอสเช เพราะถึงต่อให้จะมีการเปิดทางให้ย้ายออกจากทีมได้จริง แต่หากไม่ใช่เรอัล มาดริดแล้วจะมีสักกี่ทีมในโลกที่เอ็มบัปเปอยากย้ายไปที่มันพอจะเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง


ก่อนเซ็นสัญญาเอ็มบัปเปยังเป็นนายของตัวเองอยู่ แต่เมื่อเซ็นสัญญาแล้วเขาคือเบี้ยตัวหนึ่งของอัล เคไลฟี ผู้ซึ่งเวลานี้เป็นประธานของ ECA และเป็นคู่ต่อกรของ ฟลอเรนติโน เปเรซ ซึ่งต้องการตั้งซูเปอร์ลีกด้วย

 

The Last Boss คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะเล่นด้วยง่ายๆ

 

ทางออกฉุกเฉิน?

ลิเวอร์พูลคือทีมที่ถูกพาดพิงถึงในกระแสข่าวการแตกหักระหว่างเอ็มบัปเปและเปแอสเช โดยตามรายงานข่าวระบุถึงขั้นว่าทีมเศรษฐีฝรั่งเศสพร้อมเจรจากับทีมดังของอังกฤษที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตจากผลงานที่เลวร้ายพอดี

 

คำถามคือมันมีความเป็นไปได้แค่ไหน?

 

ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม เอ็มบัปเปเปิดเผยเองว่าเขาไม่ได้เจรจากับแค่เรอัล มาดริด แต่มีทีมอื่นด้วยรวมถึงลิเวอร์พูล ขณะที่ฝั่ง เจอร์เกน คล็อปป์ ก็เคยมีการพูดยอมรับเช่นกันว่าเคยเจรจากับกองหน้าสายฟ้าฟาดรายนี้แต่สโมสรไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะดึงตัวมาร่วมทีมได้


นอกเหนือจากนั้นลิเวอร์พูลเพิ่งต่อสัญญากับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้รับค่าเหนื่อยที่ราว 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และคว้าตัว ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าคนใหม่ชาวอุรุกวัยมาในราคา 100 ล้านยูโรด้วย นั่นทำให้โอกาสและความเป็นไปได้ที่เอ็มบัปเปจะมาแอนฟิลด์น้อยจนแทบไม่เหลือ

 

แล้วถ้าย้ายสลับขั้วกันระหว่างเอ็มบัปเปกับซาลาห์? เรื่องนี้ฟังดูน่าสนใจโดยเฉพาะกับลิเวอร์พูลที่จะได้นักเตะอนาคตไกลที่มีอายุการใช้งานอีกนับ 10 ปี แต่การที่ดาวเตะชาวอียิปต์เพิ่งต่อสัญญาใหม่ไปนั้นก็ทำให้การย้ายออกจากทีมไม่ใช่เรื่องง่าย

 

สุดท้ายจะย้อนกลับไปที่เรื่องสถานะทางการเงินของสโมสร และแนวทางของลิเวอร์พูลที่เดินคนละเส้นทางกับทีมอย่างเปแอสเช (หรือแมนเชสเตอร์ ซิตี้)


ถ้าไม่ใช่ลิเวอร์พูลจะมีทีมไหน? ทีมที่พอจะมีศักยภาพจ่ายเงินในระดับของเอ็มบัปเปได้อาจจะมีแค่ทีมในพรีเมียร์ลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี เพียงแต่ในซิตี้เพิ่งจะคว้าตัว เออร์ลิง ฮาลันด์ มาและกำลังเป็นปรากฏการณ์อยู่ในเวลานี้จึงตัดออกได้ทันทีหนึ่งทีม


ที่น่าสนใจคือแมนฯ ยูไนเต็ด (สลับตัวกันเอ็มบัปเปกับโรนัลโด? วินวิน?) และเชลซีต้องการกองหน้าหมายเลข 9 ในแบบของเอ็มบัปเปอยู่ แต่ในเรื่องของเงินที่ต้องจ่ายนั้นเป็นสิ่งที่ต้องดีดลูกคิดให้ดีเพราะไม่ได้มีเจ้าของที่ผลิตเงินจากทะเลทรายได้เหมือนเปแอสเชและซิตี้

 

อย่าลืมว่าการต่อสัญญาทำให้เปแอสเชมีสิทธิ์ตั้งค่าตัวเท่าไรก็ได้ที่ต้องการ ซึ่งไม่มีการลดราคาแน่นอน ใครคิดจะคว้าตัวไปต้องจ่ายเงินในระดับทำลายสถิติโลกเท่านั้น

 

อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น และการจะย้ายออกจากเปแอสเชจริงๆ นั้นเอ็มบัปเปต้องต่อสู้อีกมากและบอกได้เลยว่ายากแน่นอน

 

ว่าแต่นี่คือเรื่องจริง?

แต่คำถามสุดท้ายคือแล้วเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?

 

จากคำพูดของ คริสตอฟ กาลติเยร์ และ หลุยส์ คัมโปส หลังจบเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เมื่อคืนนี้ที่เปแอสเชเสมอกับเบนฟิกา ทั้งสองบอกไปในทิศทางเดียวกันว่าเรื่องข่าวนี้ไม่เป็นความจริง

 

“ผมประหลาดใจมากเพราะผมใช้เวลาทั้งวันกับเอ็มบัปเป และเขาไม่เคยถามผมหรือประธานเกี่ยวกับการย้ายออกในเดือนมกราคม” คัมโปส ซึ่งมีข่าวแบบเดียวกันว่าไม่พอใจกับการทำงานร่วมกับอัล เคไลฟี และเอ็นริเก และต้องการจะไปในช่วงเดือนมกราคมเหมือนกัน ตอบผู้สื่อข่าว พร้อมยืนยันว่ามีความสุขดีในการทำงานที่ปาร์กเดแพร็งส์


ขณะที่กาลติเยร์บอกว่า “มีการพูดถึงเรื่องของเขามากในช่วงบ่ายวันนี้ ผมยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเขา เป้าหมายคือการตั้งสมาธิกับการเล่นในเกมนี้ เขาทุ่มเทมากในคืนนี้ เขาแสดงให้เห็นถึงการเป็นยอดนักเตะที่มีสมาธิกับการเล่นและการแข่งขัน ข่าวลือมันก็เป็นข่าวหนึ่งที่มีขึ้นมาและมีน้อยครั้งที่มันจะเป็นเรื่องจริง”

 

อย่างไรก็ดีกับทีมอย่างเปแอสเชแล้ว นอกเหนือจากอัล เคไลฟีแล้วใครพูดอะไรก็ไม่อาจเชื่อถือได้ทั้งหมด เพราะนี่คือสโมสรที่เต็มไปด้วยการเมืองภายในที่รุนแรง การพูดจาหรือแสดงอาการอะไรออกสื่ออาจนำไปสู่จุดพลิกผันของชีวิตได้ง่ายๆ

 

ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตากันต่อไปคือท่าทีของเอ็มบัปเปว่าตกลงแล้วเขามีปัญหากับสโมสรจริงหรือไม่

 

และหากเป็นเรื่องจริงเขาจะทำอย่างไรต่อไป?

 

ส่วนคนที่สบายใจที่สุดในเรื่องนี้คือ ฟลอเรนติโน เปเรซ ที่ย้อนกลับไปในตอนที่เอ็มบัปเป ต่อสัญญา มีคนอัดคลิปตอนที่ประธานสโมสรเรอัล มาดริดแจกลายเซ็นให้แฟนบอลคนหนึ่งที่บอกกับเขาว่า “อย่าเอาเอ็มบัปเปมาเลย”

 

ซินญอร์เปเรซบอกระหว่างที่กำลังเซ็นชื่อบนภาพราวกับมองเห็นอนาคตว่า ‘คนที่น่าสงสาร เขาต้องเสียใจกับเรื่องนี้แน่’

           

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising