×

โอกาสครั้งที่ 2 ของเมสัน กรีนวูด กับคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ

18.08.2023
  • LOADING...
เมสัน กรีนวูด

“ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด” และ “คนเราสมควรได้รับโอกาสครั้งที่ 2 เสมอ”

 

แต่กับบางครั้ง บางเรื่อง และบางคน มันมีคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ง่ายนักว่ากับความผิดที่ก่อ โลกจะใจดีพอที่จะให้โอกาสกับคนที่เคยทำพลาดไปอีกสักครั้งหรือไม่

 

เรื่องนี้เป็นคำถามของ เมสัน กรีนวูด กองหน้าที่ควรจะเปล่งประกายและเจิดจ้าบนฟลอร์สนามหญ้าสีเขียวในโอลด์แทรฟฟอร์ด แต่กลับต้องเฝ้าอดทนและรอคอยการตัดสินโชคชะตาของเขามายาวนานเกินกว่า 6 เดือนแล้ว

 

6 เดือนนับจากวันที่ศาลตัดสินให้เขาพ้นผิดทุกข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นข้อหาพยายามข่มขืน ทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงการกักขังหน่วงเหนี่ยว ก่อนที่ต้นสังกัดอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาจะทำการสืบสาวราวเรื่องเป็นการภายใน

 

สิ่งที่น่าสนใจคือตอนนี้ท่าทีของแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นชัดเจนว่าพวกเขาพร้อมเปิดประตูนรกให้ปีศาจน้อยตนนี้ได้กลับมาสู่โรงละครแห่งความฝันอีกครั้ง

 

เพียงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับการให้โอกาสครั้งที่ 2 กับกรีนวูด

 

กระแสข่าวเรื่องอนาคตของกรีนวูด เป็นหนึ่งในคำถามใหญ่ที่ไม่เพียงแค่แฟนแมนฯ ยูไนเต็ดที่ต้องการรู้คำตอบว่าสุดท้ายสโมสรจะตัดสินใจอย่างไรกับนักฟุตบอลที่อื้อฉาวที่สุดในรอบหลายทศวรรษของทีม หากแต่สังคมฟุตบอลต่างก็จับตามองอยู่ห่างๆ เช่นกัน

 

นั่นเป็นเพราะสิ่งที่กองหน้าซึ่งปัจจุบันเข้าวัย 21 ปีทำนั้น เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง และในทางกลับกัน ก็มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก

 

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากการโพสต์สตอรีบน Instagram ของ แฮร์เรียต ร็อบสัน ผู้เป็นแฟนสาวของกรีนวูดในเวลานั้น และกลับมาคบหากันจนถึงขั้นมีลูกด้วยกันในเวลานี้ กับรูปภาพและคลิปวิดีโอที่สร้างความตื่นตะลึงและสะเทือนใจอย่างมากต่อสังคมโซเชียลมีเดีย

 

เธอถูกกระทำโดยกรีนวูดที่ใช้ความรุนแรงกับเธอ ไม่ว่าจะด้วยการกระทำต่อร่างกาย ไปจนถึงการทำร้ายจิตใจด้วยวาจา และการบังคับข่มขืนใจ

 

ภาพและเสียงที่ปรากฏออกมานั้นทำให้ดวงดาวที่เปล่งประกายเจิดจ้า และมีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกเมื่อคิดถึงพรสวรรค์ที่ฟ้ามอบให้ แทบจะดับสูญในทันที

 

 

กรีนวูดถูกจับกุมตัวในเดือนมกราคม 2022 นั่นทำให้เขาถูกตัดออกจากทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งสั่งพักงานของเขาโดยไม่มีกำหนดทันที ก่อนจะถูกดำเนินคดีจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล

 

ในระหว่างนั้นมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องอนาคตของกองหน้าที่มีคุณค่าในตัวสูงในเรื่องของผลงานในสนาม ว่าต้นสังกัดอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดจะตัดอนาคตของเขาด้วยการยกเลิกสัญญาไปเลยไหมเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

 

แต่แมนฯ​ ยูไนเต็ดไม่ได้รีบร้อนตามกระแสสังคม พวกเขาเลือกจะให้ความยุติธรรมแก่นักเตะ ซึ่งถือเป็นลูกจ้างของสโมสรด้วยการขอรอให้คดีถึงที่สิ้นสุดก่อน

 

เรื่องนี้มีการพูดอยู่เหมือนกันครับว่าถ้าหากไม่ใช่กรีนวูด ซึ่งเป็นนักเตะดาวเด่นจากระบบเยาวชนของสโมสร ที่พวกเขาเห็นมาแต่อ้อนแต่ออกเพราะเข้าอคาเดมีตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แต่เป็นนักเตะดาวรุ่งที่ยังไม่แจ้งเกิดเต็มตัวสักคน

 

เด็กคนนั้นจะยังมีโอกาสในแบบเดียวกันกับที่กรีนวูดได้รับไหม?

 

อนาคตของกรีนวูดกลายเป็นหนึ่งในชนวนระเบิดเวลาที่แมนฯ ยูไนเต็ดตัดสินใจขอผูกเอาไว้กับเอวในระหว่างคิดหาหนทางแก้ไปด้วย

 

ความยากของเรื่องนี้คือภาพและเสียงที่หลุดออกมาบนโซเชียลมีเดียนั้นร้ายแรงอย่างมาก และถึงจะมีความพยายามในการปิดกั้น รวมถึงตามกฎหมายแล้วเพื่อปกป้องผู้ที่เป็นเหยื่อ แต่มันไม่ได้แปลว่าจะลบหายไปจากความทรงจำของผู้คน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อความรู้สึกของผู้หญิง

 

จุดนี้คือจุดอ่อนไหวที่สุด

 

สิ่งที่ผูกปมของเรื่องให้รัดแน่นและแกะยากขึ้นไปอีกคือการที่ศาลตัดสินให้พ้นผิด แต่ไม่ได้เกิดจากการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อศาล การพ้นความผิดของกรีนวูดเกิดจากการที่ศาลได้รับหลักฐานใหม่ และพยานสำคัญถอนตัวจากการให้การต่อศาล

 

มันทำให้กรีนวูดไม่สามารถจะบอกต่อทุกคนได้ว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ในเรื่องนี้

 

นั่นทำให้เมื่อศาลมีคำตัดสินดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ดจึงออกแถลงการณ์ว่าจะมีการสอบสวนเป็นการภายใน และจะมีการประกาศผลการสอบสวนให้ทราบอีกครั้ง

 

การสอบสวนภายในนั้นเกิดขึ้นจริงครับในช่วงหลังจากศาลมีคำตัดสิน โดย ริชาร์ด อาร์โนลด์ ซีอีโอของสโมสร เป็นคนนำการสอบสวนเองร่วมกับบรรดาผู้บริหารระดับสูงของสโมสรอย่าง จอห์น เมอร์โท ผู้อำนวยการฟุตบอล, คอลเล็ตต์ โรช หัวหน้าฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ และ แพทริก สจวร์ต ที่ปรึกษาทางกฎหมายของสโมสร รวมถึงตัวแทนที่ครอบครัวเกลเซอร์มอบหมายให้มาร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย

 

กระบวนการดังกล่าวเสร็จสิ้นในเดือนแรกหลังศาลตัดสิน แต่ด้วยความยากของเรื่องราวทำให้ไม่มีการประกาศการตัดสินใจว่าแมนฯ ยูไนเต็ดจะเอาอย่างไร

 

ทางเลือกมีอยู่ 2-3 ทางด้วยกัน

 

  1. ให้โอกาส เมสัน กรีนวูด กลับมาสู่สโมสรอีกครั้ง
  2. ปล่อยกรีนวูดให้สโมสรในลีกอื่นยืมตัวไปใช้งานอย่างน้อย 1 ปี เพื่อลดแรงเสียดทานในประเทศ
  3. ตัดหางปล่อยวัด ยกเลิกสัญญา เพราะถือว่าทำให้สโมสรเสื่อมเสีย

 

 

เดิมเชื่อกันว่าแมนฯ ยูไนเต็ดน่าจะเลือกทางที่ 2 เพราะเป็นทางที่ละมุนละม่อมที่สุด สโมสรได้ให้โอกาสแก่นักเตะที่เคยทำผิดพลาดได้ไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในต่างแดนก่อนเพื่อหยั่งกระแสว่าสังคมพร้อมเปิดโอกาสให้อีกครั้งไหมในอนาคต และเป็นการเช็กด้วยว่าเวลาที่สูญไปเกือบ 2 ปี กรีนวูดจะยังดีพอที่จะกลับมาเป็นคนเดิมเหมือนก่อนต้องคดีหรือไม่

 

แต่ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป ดูเหมือนแมนฯ ยูไนเต็ดน่าจะเลือกทางที่ 1 มากกว่า

 

สัญญาณนั้นปรากฏตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ที่กรีนวูดได้รับอนุญาตให้ไปทำการฝึกซ้อมเป็นการส่วนตัวในสนามฟุตบอลที่ไม่ใช่ศูนย์ฝึกของสโมสร และเริ่มมีข่าวออกมาเป็นระยะว่าแมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมจะให้โอกาสแก่เขาอีกครั้ง

 

The Athletic รายงานข่าวว่า ริชาร์ด อาร์โนลด์ ได้มีการส่งจดหมายเวียนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสโมสรว่ากรีนวูดจะได้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง โดยมีการเตรียมแผนสำหรับการเปิดทางให้เขากลับมา ไม่ว่าจะเป็นการชี้แจงเหตุผลจากสโมสร ไปจนถึงการทำวิดีโอสัมภาษณ์เปิดใจที่อาจจะเป็นโอกาสให้กรีนวูดได้ยอมรับผิดและกล่าวคำขอโทษต่อทุกคนถึงสิ่งที่กระทำลงไป

 

โดยที่ เอริก เทน ฮาก ไปจนถึงเพื่อนในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็พร้อมที่จะอ้าแขนเพื่อต้อนรับเขาอีกครั้งเช่นกัน

 

แต่ไม่ว่าจะแมนฯ ยูไนเต็ด หรือเทน ฮาก ยังไม่มีการแสดงความเห็นผ่านสาธารณะ เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนอย่างมาก แม้กระทั่งในหมู่แฟนฟุตบอลด้วยกันเองก็ยังมีความเห็นที่หลากหลาย

 

มีทั้งกลุ่มที่เห็นว่าควรให้โอกาสแก่กรีนวูดได้กลับมาแก้ไขชีวิตอีกครั้ง เพราะในชีวิตส่วนตัวของเขาเองก็กลับมาคบหาดูใจกับแฟนสาวคนเดิม มากกว่านั้นคือทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน มันก็พอจะอนุมานได้ว่าเรื่องราววุ่นๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของทั้งกรีนวูดเอง และแฟนสาวก็อาจไม่ได้ตั้งใจถึงขั้นจะทำให้เขาต้องหมดอนาคต

 

มันอาจจะเป็นแค่ ‘เรื่องในมุ้ง’ เหมือนหลายๆ บ้าน แต่โชคร้ายที่มันลุกลามใหญ่โตจนเกินกว่าจะหาทางทำให้จบได้โดยง่าย

 

ขณะที่อีกกลุ่มมองว่าการกระทำของกรีนวูดเป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้ โดยเฉพาะกลุ่มแฟนบอลสุภาพสตรีปีศาจแดง

 

สำหรับพวกเธอการใช้ความรุนแรงในครอบครัวรวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งเกินใจจะอดทน

 

“บอกสิว่าการที่ผู้หญิง 1 ใน 4 คนในสหราชอาณาจักรต้องเคยเจอประสบการณ์เลวร้ายจากการใช้ความรุนแรงในครอบครัวและการล่วงละเมิดทางเพศไม่สำคัญ มันกำลังบอกเราว่าคนที่ทำงานให้สโมสรสำคัญกว่าใช่ไหม”

 

และปราการด่านสุดท้ายคือความเห็นจากนักฟุตบอลทีมหญิงของแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุด

 

อย่าลืมว่าพวกเธออยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จะทางตรงหรือทางอ้อมก็ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน สำหรับนักฟุตบอลหญิงการอยู่ร่วมบ้านเดียวกับคนที่เคยคิดจะข่มขืนแฟนสาวและใช้ความรุนแรง ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิสตรีอย่างร้ายกาจ มันเป็นเรื่องที่ทำใจยอมรับได้ยาก

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกหากพวกเธอจะไม่เห็นด้วย และเชื่อกันว่าการแสดงจุดยืนของพวกเธอจะเป็นจุดตัดสินที่สำคัญในเรื่องนี้ครับ

           

สิ่งที่น่าสนใจคือแมนฯ ยูไนเต็ด ใส่ใจในความรู้สึกของพวกเธอมากแค่ไหน? และเคยมีการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวหรือไม่?

 

 

ถ้ายึดตามรายงานข่าวแล้วดูเหมือนจะไม่มีการหารือร่วมกันแบบนั้น แต่การเลื่อนกำหนดการตามแผนการ ‘กรีนวูดรีเทิร์น’ ออกไปอาจเป็นเพราะมีนักเตะทีมหญิงที่กำลังติดภารกิจรับใช้ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกอยู่ในเวลานี้ ซึ่งก็คือ แมรี เอิร์ปส์ ผู้รักษาประตูคนเก่ง, เคที ซาเลม กัปตันทีม และ เอลลา ตูน สตาร์สาวดาวเด่น

 

โดยที่พวกเธอแม้จะอยู่ในภารกิจสำคัญที่สุดแต่กลับต้องถูกรบกวนสมาธิจากข่าวเรื่องนี้ ไปจนถึงการพยายามรวบรวมชื่อขอให้ซาเลม, เอิร์ปส์ และตูน ยอมให้กรีนวูดกลับมาในทีมอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง

 

อย่างไรก็ดี จนกว่าพวกเธอจะกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกับสโมสรอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางเดือนหน้า จะยังไม่มีการประกาศการตัดสินใจใดๆ จากแมนฯ ยูไนเต็ด

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับทุกฝ่าย เพราะมันหมายถึงอนาคตของนักฟุตบอลคนหนึ่ง กับเรื่องของบรรทัดฐานจริยธรรมทางสังคม

 

เรื่องของการให้โอกาสหรือการสั่งสอนให้เข็ดหลาบ

 

แม้กระทั่งส่วนตัวผมเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกส่วนตัวนักว่า เมสัน กรีนวูด สมควรที่จะได้รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหรือไม่

 

เพียงแต่เมื่อเขียนถึงตรงนี้ มันทำให้ผมคิดถึงอะไรบางอย่าง

 

บางทีหากกรีนวูดกล้าที่จะออกมายอมรับและขอโทษด้วยตัวเอง ยืนยันว่ามันเป็นเพียงความพลั้งพลาดของวัยรุ่นคนหนึ่งโดยที่เขาไม่คิดจะทำมันอีก และพร้อมที่จะรับผลการตัดสินจากสังคมไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็ตาม

 

ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะง่ายขึ้นกว่านี้มาก

 

และเรื่องมันอาจจะจบลงโดยที่เราทุกคนได้ไปต่อตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะไปทางใดก็ตาม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising