Masa Garden สุกี้ยากี้คันไซแบบเป็นส่วนตัวในสวนญี่ปุ่น

Masa Garden เป็นร้านสุกี้ยากี้สไตล์คันไซในเครือ Suki Masa และ Sushi Masa ที่หลายคนไว้ใจเรื่องอาหารญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติและการบริการที่ดีเหมือนไปกินที่ญี่ปุ่นเอง การเปิดสาขาใหม่ในชื่อ Masa Garden ครั้งนี้ ทางร้านก็ทำให้คุณรู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นด้วยสถานที่ที่อยู่ในซอยอันเงียบสงบ บ้านหลังเล็กที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น และสวนแบบญี่ปุ่นที่รายล้อมร้าน

บรรยากาศร้าน

เมื่อเข้ามาถึงบริเวณร้าน คุณจะเจอกับสวนแบบญี่ปุ่นที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และหน้าต่างสวนทรงกลมที่เป็นเหมือนจุดเช็กอินของทางร้าน ไม่ว่าใครที่มาที่นี่จะต้องถ่ายภาพนี้เก็บไว้ ในสวนนั้นตกแต่งด้วยต้นไม้แบบญี่ปุ่น มอสที่เกาะตามพื้น โคมหินและสะพานหิน เป็นการปรับอารมณ์ความรู้สึกก่อนจะเข้าไปสัมผัสประสบการณ์กันต่อในร้าน

บรรยากาศร้าน

ภายในร้านตกแต่งด้วยไม้ และมีสวนอยู่กลางร้านสมกับที่ชื่อว่า Masa Garden และข้อดีของทางร้านคือแต่ละโต๊ะนั้นแยกสัดส่วนกันชัดเจน มีระยะห่างกันมาก และมีแผงไม้กั้นระหว่างโต๊ะ ทำให้ประสบการณ์การมากินอาหารที่นี่เป็นส่วนตัว และนอกจากนี้ยังมีห้องใหญ่ที่เป็นห้องส่วนตัวสำหรับใครที่อยากมาสังสรรค์หลายคนด้วย

Masa Garden Bakudan (450 บาท)

เมนูซิกเนเจอร์ของ Masa Garden ที่น่าสนใจคือ Masa Garden Bakudan (450 บาท) ที่เป็นเมนูของกินเล่นรวมอาหารทะเลแบบซาชิมิเสิร์ฟมาแบบจัดเต็มในจาน ทั้งปลาแซลมอน ปลาทูน่า เนื้อปู ปลาหมึก ไข่ปลาแซลมอน ตัดเปรี้ยวด้วยผักดองและถั่วแระญี่ปุ่น เพิ่มความกลมกล่อมด้วยไข่ดิบตรงกลาง แนะนำให้คลุกเคล้าให้ทั่วก่อนกิน

เวลาเสิร์ฟทางร้านจะยกเตาเล็กๆ มาให้ด้วย นี่เป็นเตาสำหรับย่างสาหร่าย วิธีการกินคือนำสาหร่ายไปย่างบนเตาให้มีความกรอบเกรียม ก่อนที่จะคีบซาซิมิที่คลุกเคล้าในไข่ดิบจนกลมกล่อมแล้วขึ้นไปวางบนสาหร่าย ค่อยๆ ห่อแล้วกินได้เลย เป็นเมนูของกินเล่นที่สนุกและรสชาติดี เหมาะกับการสั่งมากินระหว่างรอทางร้านจัดชุดสุกี้ยากี้และชาบูชาบู

เมนูของร้าน

Wagyu Beef A5 (1,200-1,500 บาท)

Wagyu Beef A4 (900-1,200 บาท)

Masa Beef (700-1,000 บาท)

Special Wagyu Beef (500-800 บาท)

ความสนุกอีกหนึ่งอย่างของการมาที่ร้าน Masa Garden คือเนื้อสัตว์ที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อวัว เนื้อแกะ และอาหารทะเล และยิ่งสนุกขึ้นไปอีกเมื่อสั่งเนื้อวัว เพราะเนื้อวัวมีหลายแบบให้เลือก เรียกได้ว่ามากี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ สำหรับเนื้อวัวที่น่าสนใจคือ Wagyu Beef A5 (1,200-1,500 บาท) เนื้อวากิวระดับ A5 ที่โดดเด่นเรื่องมันแทรก มีความนุ่ม หอม ละลายในปาก หรือจะเป็น Wagyu Beef A4 (900-1,200 บาท) เนื้อวากิว A4 ที่รสชาติดีไม่แพ้ A5 เลยสักนิด ส่วน Masa Beef (700-1,000 บาท) ก็เป็นเนื้อคุณภาพดีที่คุ้มค่าคุ้มราคา ส่วนถ้าใครอยากลองกินเนื้อหลายส่วนหน่อยก็ต้อง Special Wagyu Beef (500-800 บาท) ที่ได้เนื้อถึงสองส่วน มีเท็กซ์เจอร์ที่แตกต่างกัน โดยจะสั่งเป็นชุดหรือเป็นจานเดี่ยวมาเพิ่มก็ได้

สุกี้ยากี้

ทางร้านมีรูปแบบเมนูให้เลือก 3 แบบ คือ สุกี้ยากี้ ชาบูชาบู และซูมิบิยากิ แต่ในช่วง Soft Opening ทางร้านจะยังมีแค่สุกี้ยากี้และชาบูชาบู เมนูแนะนำของทางร้านคือสุกี้ยากี้ ซึ่งเป็นสุกี้ยากี้สไตล์คันไซที่มีมากว่า 100 ปี โดดเด่นด้วยน้ำซอสวาริชิตะรสหวานหอมที่หมักมาได้ที่ ทางร้านจะมีหม้อที่มีหูหิ้วคล้ายถังมาให้คุณ วิธีการกินคือเทน้ำซอสวาริชิตะลงไปในหม้อแบบขลุกขลิก ผัดกับหัวหอมใหญ่ให้มีกลิ่นหอม ก่อนที่จะนำเนื้อลงไปผัดอย่างรวดเร็ว เมื่อเนื้อสุกได้ที่ก็จิ้มกับไข่ดิบ จะช่วยชูรสให้เนื้อกลมกล่อมมากขึ้น ในชุดสุกี้ยากี้จะประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์ที่คุณเลือก ข้าว สลัด ซุปมิโซะ ไข่ดิบ ชุดผัก และขนมหวาน

ชาบูชาบู

ส่วนชาบูชาบู ทางร้านก็มีน้ำซุปซิกเนเจอร์ที่อยากให้คุณได้ลองคือ Tonkotsu Collagen Soup เป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า 8 ชั่วโมง จนได้น้ำซุปที่เข้มข้น อุดมไปด้วยประโยชน์จากคอลลาเจนจากไขกระดูก นอกจากนี้ยังมีซุป Dashi ที่เป็นซุปปลารสชาติคอมฟอร์ต และ Soy Milk Dashi ที่เป็นน้ำเต้าหู้อีกด้วย วิธีการกินคือนำเนื้อลงไปแกว่งในน้ำซุปจนเริ่มสุก แล้วจิ้มกับน้ำจิ้มโกมะที่เป็นน้ำจิ้มงารสชาติออกหนักและนวล แต่ถ้าชอบรสชาติแบบเบาบางให้จิ้มกับน้ำจิ้มพอนสึที่หอมกลิ่นส้มยูซุสดชื่น ในชุดชาบูชาบูประกอบด้วยเนื้อสัตว์ที่คุณเลือก ข้าว สลัด เส้นอุด้ง ชุดผัก และขนมหวาน สำหรับอุด้งนั้นจะคีบแล้วจิ้มกับซอสกินเลย หรือจะใส่ลงไปในหม้อก็ได้ตามชอบ

ในส่วนของซูมิบิยากิที่เป็นการปรุงแบบย่างถ่านนั้นทางร้านจะประกาศวันที่เริ่มให้บริการอีกครั้งหลังจากหมดช่วง Soft Opening