Marriage Story ภาพยนตร์ดราม่ารวดร้าวอารมณ์ที่ว่าด้วยเรื่องของการหย่าร้าง ความสัมพันธ์แสนขม และชีวิตคู่ที่ไม่สมบูรณ์แบบ คือหนึ่งในความน่าสนใจบนเวทีออสการ์ปีนี้
ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นภาพยนตร์ออริจินัลจาก Netflix ที่ได้เข้าชิงรางวัล แต่เป็นเพราะการแสดงที่เข้มข้นของ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน และ อดัม ไดรเวอร์ รวมทั้งการเล่าเรื่องที่เข้าไปแตะกับความรู้สึกของคนอย่างใกล้ชิด จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกพูดถึงในหลากหลายแง่มุม
THE STANDARD POP ขอรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจมาให้คุณได้รู้ มีสปอยล์นิดหน่อยนะ ถ้ายังไม่ได้ชม
1. ซีนทะเลาะกันใหญ่โตในช่วงท้ายเรื่อง ที่คล้ายจะเป็นกำแพงความรู้สึกที่พังทลายลงมา คุณรู้หรือไม่ว่า พวกเขาไม่ได้อิมโพรไวซ์แม้แต่ประโยคเดียว ทั้งหมดเป็นบทที่พวกเขาทำการบ้านกันมาอย่างดี และใช้เวลาถ่ายทำซีนนี้เพียงซีนเดียวถึง 50 เทก ในระยะเวลา 2 วัน และอารมณ์ที่ปะทุรุนแรงขึ้นแบบไล่ระดับไปเรื่อยๆ นั้นคือ การถ่ายทำแบบเทกเดียวจบ ฉะนั้น หากคัตก็ต้องเริ่มระดับอารมณ์กันใหม่ตั้งแต่ต้น
2. อดัม ไดรเวอร์ ทุบกำแพงไป 15 ครั้ง ตลอดการถ่ายทำซีนนี้ และมีครั้งหนึ่งเขาทุบแรงมากจนเกือบจะทะลุไปอีกฝั่ง!
3. นอกจากนี้ระหว่างถ่ายทำ โนอาห์ บอมบัค ผู้กำกับยังแอบส่งโน้ตลับๆ ให้กับนักแสดงทั้งคู่ โดยที่พวกเขาต่างไม่รู้ข้อความของอีกฝั่ง เพื่อให้ตัวละครได้จับพฤติกรรม หรือการแสดงออกบางอย่างที่เซอร์ไพรส์จากกันและกัน ทั้งนี้ ก็เพื่อค้นหารูปแบบการแสดงและการตอบโต้ที่แตกต่างกันไปในแต่เทก
4. ส่วนของเรื่องราวการหย่าร้างที่ดูซีเรียสมากๆ โนอาห์ บอมบัค ได้นำบทเข้าไปปรึกษากับทนายที่เชี่ยวชาญเรื่องการหย่าร้างจริงๆ เพื่อหาข้อถกเถียง ข้อสรุปที่ทนายของตัวละครหลักจะสามารถใช้โต้แย้งได้ และไม่ใช่แค่เรื่องทนาย แต่เรื่องราวความสัมพันธ์ร้าวฉานในเรื่องก็มาจากประสบการณ์จริงของชีวิตผู้กำกับเอง ที่เขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว
5. คาแรกเตอร์ของ ลอร่า เดิร์น ทนายสาวผู้ว่าความให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน หรือ นิโคลในเรื่อง ถูกถอดมาจากทนายชื่อดังในลอสแอนเจลิสอย่าง ลอร่า วาสเซอร์ และเจ้าตัวเองยังอนุญาตให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าไปถ่ายทำในออฟฟิศทนายความของเธอ จริงๆ ซึ่งจะเรียกเธอว่า เป็นทนายเซเลบริตี้ก็ได้ เพราะลูกความของเธอก็มีตั้งแต่ ไรอัน เรย์โนลด์ส, คริสตินา อากีเลรา, จอห์นนี เดปป์ และ ไฮดี คลุม ฯลฯ
6. ไม่ใช่แค่ตัวผู้กำกับที่เคยผ่านการหย่าร้าง แต่ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน และ ลอร่า เดิร์น สองนักแสดงในเรื่องเองก็เคยผ่านการหย่าร้างเช่นกัน
และด้วยความไม่รู้ ช่วงที่ โนอาห์ บอมบัค พยายามติดต่อให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน มารับบทนี้ ก็เป็นช่วงเดียวกับที่เธอกำลังจัดการกับการหย่าร้างครั้งที่ 2 ของเธอกับอดีตสามี ส่วน อดัม ไดรเวอร์ เอง เขาก็เป็นเด็กจากครอบครัวที่ผ่านการหย่าร้าง รวมทั้งตัวเขาเองก็มีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
7. บทภาพยนตร์ของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของผู้กำกับและนักแสดงเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นบทของ อดัม ไดรเวอร์ หรือ ชาร์ลี ในเรื่อง ที่มีอาชีพเป็นผู้กำกับละครเวที ก็เป็นไอเดียของเขาเอง
หรือการที่บอมบัคนั่งพูดคุยกับ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างตัวละครทั้งหมดขึ้นมา เหมือนที่เธอเคยให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ว่า
8. โปรดักชันของเรื่องนี้ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยที่ทำให้เรื่องราวดูสมบูรณ์ขึ้น โดยเฉพาะการสร้างโลกสองใบของตัวละคร ชาร์ลี ทั้งในนิวยอร์กและลอสแอนเจลิส
ถ้าคุณได้ชมแล้วจะพบว่า เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์ก จะถูกรายล้อมไปด้วยสิ่งของมากมาย ต้นไม้ ของเล่น หนังสือ ที่ทำให้ดูมีชีวิตชีวา แต่หลังจากการได้รับเอกสารการหย่าจากนิโคล สิ่งของที่ดูเหมือนว่ามีอยู่ก่อน ก็จะหายไปทีละเล็กละน้อย
และเมื่อเขาบินมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ใหม่ในลอสแอนเจลิสจะพบว่า มันช่างโล่ง เปล่าเปลี่ยว และไร้ชีวิตชีวา นั่นหมายความถึงชีวิตของเขาที่ไม่เหมือนเดิม และสูญเสียทุกอย่างไป ทำให้บ้านไม่รู้สึกเหมือนไม่ใช่บ้านสำหรับตัวละคร
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: