×

หุ้นกลุ่มโรงกลั่น – คาดการณ์กำไร 2Q65 ยังแข็งแกร่ง โดยเลือก BCP เป็นหุ้นเด่น

โดย THE STANDARD TEAM
04.08.2022
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มโรงกลั่น

เกิดอะไรขึ้น:

SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2Q65 ของบริษัทกลุ่มโรงกลั่น ภายใต้การวิเคราะห์จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) 

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.40%MoM ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นโดย 

ราคาหุ้น BCP ปรับลดลง 3.20%MoM อยู่ที่ระดับ 30.25 บาท 

ราคาหุ้น IRPC ปรับเพิ่มขึ้น 4.97%MoM สู่ระดับ 3.38 บาท

ราคาหุ้น SPRC ปรับลดลง 4.13%MoM อยู่ที่ระดับ 11.60 บาท

 

พรีวิวผลประกอบการ 2Q65:

SCBS คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q65 ของผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันไทยจะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากค่าการกลั่นตลาด (Market GRM) ที่สูงขึ้น สอดคล้องกับ Singapore GRM ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 8.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 1Q65 สู่ 21.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 2Q65 หรือเพิ่มขึ้น 163%QoQ 

 

แต่จะถูกหักล้างไปบางส่วนโดยขาดทุนพิเศษสุทธิ (ขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงลบด้วยกำไรสินค้าคงเหลือ) ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันที่มีธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะได้รับประโยชน์จากค่าการตลาดที่ดีขึ้น สืบเนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล

 

สำหรับพรีวิวผลประกอบการ 2Q65 ของบริษัทกลุ่มโรงกลั่น ภายใต้การวิเคราะห์ 3 บริษัท ดังนี้

 

BCP: คาดกำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 3.3%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรพิเศษใน 1Q65 จากการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ และกำไรจากการขายสินทรัพย์ของบริษัทย่อยในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ขณะที่กำไรจะเพิ่มขึ้น 155%YoY อย่างไรก็ดี กำไรปกติจะเพิ่มขึ้นมาก 360%YoY และ 140% QoQ เพราะ Market GRM เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด

 

IRPC: คาดกำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ลดลง 21%YoY แต่เพิ่มขึ้นมาก 140%QoQ โดยได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่แข็งแกร่ง และปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นที่ 200kbd ใน 2Q65 เทียบกับ 194kbd ใน 1Q65 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วย Hyvahl ในโรงงาน RDCC ตามแผนเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเปลี่ยนสารเร่งปฏิกิริยา การดำเนินงานของหน่วย Hyvah ทำให้บริษัทสามารถใช้น้ำมันดิบที่หนักขึ้น และถูกลงได้ใน 2Q65  

 

SPRC: คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก 647%YoY และจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 9.3%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจาก GRM ที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก บวกกับกำไรสต๊อกเล็กน้อย กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นเพราะบริษัทมีค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลที่ทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล (SPM) จำนวน 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 1Q65 ซึ่งส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.0-1.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

มุมมองระยะสั้น:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันไทยลดลงเฉลี่ย 1% แย่กว่า SET และ SETENERG ที่เพิ่มขึ้น 2% ซึ่ง SCBS เชื่อว่าตลาดกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัฐบาล

 

อย่างไรก็ดี SCBS เลือก BCP เป็นหุ้นเด่นกลุ่มโรงกลั่น เพราะมีพอร์ตธุรกิจที่สมดุล ขณะที่ราคาหุ้น BCP ปรับตัวลดลงมาแล้ว 14% จากจุดสูงสุดในเดือนมิถุนายน แย่กว่าราคาหุ้นโรงกลั่นน้ำมันไทยตัวอื่นๆ ที่ลดลงเฉลี่ย 12% อยู่เล็กน้อย เนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่ารัฐบาลอาจขอให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันไทยส่งกำไรส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อลดราคาขายปลีกน้ำมัน 

 

แม้ประเด็นนี้เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน แต่ SCBS เชื่อว่าน่าจะสะท้อนในราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในระยะหลังนี้ไปค่อนข้างมากแล้ว โดยชอบ BCP มากกว่าผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันไทยรายอื่นๆ เนื่องจากบริษัทมีพอร์ตธุรกิจที่สมดุล ได้แก่ ธุรกิจกลั่นน้ำมันและการตลาด ธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจ E&P 

 

นอกจากนี้ BCP ยังสามารถเดินเครื่องโรงกลั่นเต็มกำลังการผลิต ไม่ว่าอุปสงค์น้ำมันเครื่องบินจะฟื้นตัวหรือไม่ก็ตาม โดยได้รับการสนับสนุนจากตลาด UCO ในภูมิภาคเอเชียเหนือที่ดีขึ้น และความยืดหยุ่นของโรงกลั่นของ BCP 

 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันและ GRM ผันผวน อุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอลง และมาตรการของรัฐบาลในการควบคุมราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising