×

AH – 4Q65: กำไรดีเกินคาด ปรับเรตติ้งขึ้นสู่ Outperform

03.03.2023
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 407 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นมากถึง 247%YoY แต่ลดลง 32%QoQ) หากไม่รวมรายการพิเศษคือ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และการได้รับชำระคืนค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย กำไรปกติทำสถิติสูงสุดที่ 588 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นมากถึง 268%YoY และเพิ่มขึ้น 39%QoQ) ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง 

 

สำหรับปี 2565 รายงานกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 78%YoY) และหากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 112%YoY) ทั้งนี้ AH ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 2H65 ในอัตรา 0.96 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 3%XD วันที่ 14 มีนาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม

 

รายการที่สำคัญในผลประกอบการ 4Q65 สรุปดังนี้

 

  1. ยอดขายอยู่ที่ 7.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%YoY และ 7%QoQ ยอดขายจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ OEM (70% ของยอดขาย) เติบโต 39%YoY และ 5%QoQ หลักๆ ได้แรงหนุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในประเทศไทยอันเป็นผลมาจากปริมาณการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นและคำสั่งซื้อใหม่ ยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (30% ของยอดขาย) เติบโต 26%YoY และ 12%QoQ

 

  1. อัตรากำไรขั้นต้นแข็งแกร่งที่ 13% ใน 4Q65 เพิ่มขึ้นจาก 10% ใน 4Q64 และ 11.1% ใน 3Q65 โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งขึ้น และประโยชน์จากการปรับราคาขายของบริษัทย่อยในโปรตุเกส

 

กระทบอย่างไร:

วันที่ 1 มีนาคม 2566 ราคาหุ้น AH ปรับเพิ่มขึ้น 9.48%DoD สู่ระดับ 31.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.15%DoD อยู่ระดับ 1,619.98 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:

InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566 เพิ่มขึ้น 15% เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 4Q65 ที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 8% สู่ 1.8 พันล้านบาท โดยอิงกับยอดขายที่เติบโต 3% (เนื่องจากยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในมาเลเซียจะกลับสู่ระดับปกติ) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 12.2% 

 

สำหรับธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ OEM ยอดขายจะได้แรงหนุนจากปริมาณการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การผลิตเพลารถกระบะตามคำสั่งซื้อใหม่ซึ่งเริ่มผลิตในช่วงปลาย 2Q65 (มูลค่ารวม 1 พันล้านบาทต่อปี) ได้เต็มปี และคำสั่งซื้อใหม่จาก VinFast ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเวียดนาม ให้ผลิตชิ้นส่วนประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า (~500-600 ล้านบาทต่อปี) และคาดว่ากำไรของ AH จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ต่อเนื่องใน 1Q66

 

ทั้งนี้ ได้ปรับเรตติ้งสำหรับ AH ขึ้นสู่ Outperform (จาก Neutral) ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ปรับใหม่เป็น 44 บาทต่อหุ้น (เพิ่มขึ้นจาก 38 บาทต่อหุ้น) อ้างอิง PE 8.6 เท่า (ค่าเฉลี่ยในปี 2560-2561 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรของ AH เติบโตตามปกติ) 

 

ซึ่งมองว่าผลตอบแทนดูน่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยง เนื่องจากปัจจุบันหุ้น AH เทรดที่ PE ปี 2566 ระดับ 5.6 เท่า หลังจากราคาหุ้นปรับตัวลดลง 16% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ  

 

  1. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะการดำเนินงานของ AH ในโปรตุเกส (16% ของยอดขาย) 

 

  1. การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่งผลทำให้ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่การประกอบรถยนต์ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หยุดชะงัก

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising