เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (15 สิงหาคม) บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 จำนวน 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 64%YoY และเพิ่มขึ้น 2%QoQ หากตัดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 131 ล้านบาทออกไป พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%YoY แต่ลดลง 31%QoQ เป็นไปตามตลาดคาดการณ์
สำหรับกำไรปกติที่เพิ่มขึ้น YoY ได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่กำไรปกติที่ลดลง QoQ เกิดจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ชะลอตัวลง
โดยรายการสำคัญใน 2Q65 มีดังนี้
- ยอดขายอยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%YoY แต่ลดลง 9%QoQ เมื่อจำแนกตามธุรกิจ ยอดขายจากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ OEM (76% ของยอดขาย) เติบโต 24%YoY แต่ลดลง 12%QoQ และยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (24% ของยอดขาย) เติบโต 38%YoY และ 1%QoQ
ยอดขายจากธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ OEM ที่เติบโต YoY เกิดจากคำสั่งซื้อใหม่ในประเทศไทย และฐานต่ำที่มีสาเหตุมาจากการหยุดดำเนินธุรกิจในโปรตุเกสเป็นการชั่วคราว เพราะสถานการณ์ขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรป
- อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.1% ใน 2Q65 ลดลงจาก 11.6% ใน 2Q64 และ 11.1% ใน 1Q65 สะท้อนผลกระทบเชิงลบจากราคาเหล็กที่สูงขึ้นและการมีสัดส่วนยอดขายจากธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ซึ่งให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าธุรกิจ OEM เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ 1H65 AH รายงานกำไรสุทธิ 812 ล้านบาท และหากตัดรายการพิเศษออกไป พบว่าบริษัทมีกำไรปกติ 683 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 335%YoY
นอกจากนี้ AH ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวด 1H65 ในอัตรา 0.58 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.7% ขึ้น XD วันที่ 29 สิงหาคม 2565 และจ่ายวันที่ 13 กันยายน 2565
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (ณ เวลา 12.30 น.) ราคาหุ้น AH ปรับเพิ่มขึ้น 4.72%DoD สู่ระดับ 22.20 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.28%DoD สู่ระดับ 1,629.85 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565 และปัจจัยเสี่ยง:
SCBS คาดการณ์กำไรปกติปี 2565 อยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28%YoY โดยจะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยานยนต์
ขณะที่กำไรปกติ 1H65 คิดเป็นสัดส่วน 67% ของประมาณการกำไรเต็มปี แต่ SCBS ยังคงประมาณกำไรปี 2565 ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีความกังวลในระยะสั้นเกี่ยวกับสถานการณ์ขาดแคลนชิป ซึ่งจะส่งผลทำให้ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ตั้งแต่การประกอบรถยนต์ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หยุดชะงัก