บ้านกระจกพร้อมสวนใจกลางสุขุมวิท 24 แห่งนี้ เคยเป็นร้านอาหาร Karmakamet Diner มาก่อน หลังจากที่ย้ายโลเคชันไปอยู่ที่สุขุมวิทซอย 49 โซนที่เป็นห้องอาหารของบ้านหลังนี้ถูกชุบชีวิตขึ้นใหม่กลายเป็น All Day Dining Spot ที่ใช่ชื่อว่า Maison Bleue นี้เอง
หนึ่งในพาร์ตเนอร์ของร้าน Maison Bleue คือ มู่-จักรทอง อุบลสูตรวานิช เชฟขนมฝรั่งเศสที่เคยทำให้เราติดใจรสมือของเธอมาก่อนจากร้านเก่า Let Them Eat Cake ซึ่งโปรเจกต์ครั้งใหม่นี้ไม่ได้มีแค่ของหวานเท่านั้น แต่ได้นำความเชี่ยวชาญในขนมฝรั่งเศสมาตีความลงในอาหารทั้งนานาชาติและมีเมนูไทยด้วย ส่วนทางด้านของอาหารคาวนั้น ได้เชฟกันน์-สรวิศ แสงวณิช มาร่วมสร้างสรรค์ เกิดเป็นเมนูที่คุณสามารถเข้ามาใช้เวลาในบ้านหลังนี้ได้ทั้งวัน
เดิมร้านแพลนจะเปิดในเดือนกรกฎาคม แต่เมื่อติดมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ต้องจัดส่งแบบเดลิเวอรีก่อน และเริ่มเปิดจริงเป็นเมนูบรันช์หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกอนุญาตในรับประทานอาหารในร้านได้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลายคนที่ได้ติดตามร้านผ่านทางโซเชียลมีเดียจะคุ้นชินกับเมนูอาหารเช้า-บรันช์อย่าง Plain Omelette with Baby Greens (240 บาท) หรือออมเล็ตสไตล์ฝรั่งเศสเสริมกับผักใบอ่อน หรือ Smoked Salmon Mille-Feuille (345 บาท) จานนี้เป็นตัวอย่างแรกที่เชฟมู่เกริ่นให้เราฟัง เธอดัดแปลงนำแป้งมีลย์เฟยขนมฝรั่งเศสมาจัดเลเยอร์สอดไส้ด้วยมูสแซลมอนรมควัน ท็อปด้านบนด้วยแซลมอนรมควัน Crème Fraîche ที่ทางร้านทำเอง ไข่ปลาแซลมอน และเสิร์ฟเคียงด้วยไข่คน
อีกจานอาหารเช้าอย่าง Egg Napoleon III (295 บาท) เป็นการดัดแปลงอาหารเช้าอเมริกันคลาสสิกอย่างไข่เบเนดิกต์ ด้วยการจินตนาการว่าหากอาหารจานนี้เกิดในฝรั่งเศสในยุคเดียวกันจะหน้าตาเป็นอย่างไร ก่อนออกมาเป็น ไข่ดาวน้ำวางบนแป้งพัฟฟ์ และแป้งชูที่เว้นช่องตรงกลางไว้สำหรับซอสแอปเปิ้ลคาราเมลไลซ์ ท็อปซอสฮอลลันเดส และเคียงกับหมูสามชั้นน้ำผึ้งสูตรของทางร้านเอง
Mademoiselle’s Pomelo Tart (295 บาท) ยำส้มโอสูตรคุณแม่ ที่เลือกใช้แป้งพายชั้นเป็นภาชนะห่อหุ้มยำส้มโอด้านใน ทานกับกุ้ง ไข่ต้ม และ Crème Fraîche ส่วนอีกจานของว่างที่เราชอบคือ เอแคลร์สลัดปู (265 บาท) จานนี้ใช้แป้งชูสอดไส้สลัดปู อะโวคาโด และแอปเปิ้ลเขียว
การผสมระหว่างครัวอาหารคาวและอาหารหวานมีให้เราเห็นและเซอร์ไพรส์ในไอเดียตลอดเมนู เช่นเดียวกับจานหลักอย่างอกเป็ด ที่โดยปกติเราคุ้นชินกับการเสิร์ฟอกเป็ดเคียงกับซอสผลไม้เปรี้ยวหวานอยู่แล้ว โจทย์นั้นเลยถูกตีความให้ซับซ้อนอีกเลเยอร์ ด้วยการใช้คอมบิเนชันคลาสสิกอย่าง ‘Ispahan’ หรือ ราสป์เบอร์รี-ลิ้นจี่-กุหลาบ มาเป็นซอสเสียเลย จานนี้ชื่อว่า ‘Ispahan Duck Breast’ (460 บาท)
อีกอย่างหนึ่งที่เราว่าไม่ควรพลาดที่นี่คือเฟรนช์โทสต์ต่างๆ ของทางร้าน เพราะขนมปังบริยอชที่ทางร้านทำเองแทบจะเป็นหนึ่งในขนมขึ้นชื่อของเชฟมู่ และเมื่อนำมาทำเฟรนช์โทสต์แล้ว เชฟมู่ออกแบบตัวคัสตาร์ดรสชาติต่างๆ ตั้งแต่ก่อนทอดให้เข้ากันกับแต่ละสูตรด้วย อย่างเช่น Ispahan Brioche French Toast (295 บาท) ที่ขนมปังบริยอชถูกนำไปชุบในคัสตาร์ดกุหลาบก่อนทอด เสิร์ฟกับซอส Raspberry Coulis ครีม Chantilly รสกุหลาบ ลิ้นจี่ และอัลมอนด์ครัมเบิล
ก่อนกลับบ้านอย่าลืมแวะซื้อขนมอบต่างๆ บริยอช และแยมสูตรของทางร้านกลับไปตุนไว้เป็นอาหารเช้า หรือช่วงนี้ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่ร้าน Maison Bleue ก็ยังมีบริการเดลิเวอรีอยู่เช่นกัน
Maison Bleue
Open: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-21.30 น.
Address: สุขุมวิทซอย 24 (ด้านหลังเอ็มโพเรียม)
Budget: 500 บาท
Contact: 09 1796 3136
Website: www.facebook.com/Maisonbleuelecafe
MAP: