Apple MacBook Air 2024 โน้ตบุ๊กที่โด่งดังเรื่องความบางเบา พกพาสะดวก และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น กลับมาอีกครั้งพร้อมชิป M3 ใหม่ล่าสุดจาก Apple ซึ่งสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล รวดเร็ว และทรงพลังยิ่งกว่าที่เคย และเพิ่มความสามารถฟีเจอร์บางอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการต่อจอมอนิเตอร์ได้ 2 จอพร้อมๆ กัน
การอัปเกรดก็มาพร้อมกับคำถามใหญ่ โดยเฉพาะกับกลุ่มที่เพิ่งตัดสินใจซื้อ MacBook Air ที่ใช้ชิป M2 ซึ่งออกมาไม่ถึง 2 ปีดี หรือใช้รุ่นก่อนหน้าที่ใช้ชิป M1 ตกลงว่าจำเป็นจะต้องอัปเกรดกันทันทีไหม? เพราะแทบจะมองไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าไร ดังนั้นเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ จึงขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์จากการใช้งานจริงในช่วงระยะเวลาหนึ่งให้ชาว THE STANDARD WEALTH ได้ทราบกัน
ก่อนอื่น MacBook Air รุ่นใหม่มี 2 ขนาดหน้าจอด้วยกัน คือรุ่น 13.6 นิ้วที่เน้นความคล่องแคล่ว พกพาสะดวก ด้วยน้ำหนักที่ไม่มากนัก กับรุ่น 15.3 นิ้วที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกหน่อยแต่ได้จอขนาดใหญ่เต็มตา ซึ่งจอทั้ง 2 รุ่นนั้นเป็นจอ Liquid Retina ที่มีความละเอียดสูงเหมือนกัน รองรับเทคโนโลยี True Tone ที่ช่วยปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้เหมาะกับสภาพแสงโดยรอบ
ในทางเทคนิคแล้ว Apple แจ้งว่าให้ความสว่างสูงสุด 500 นิต รองรับสีสัน 1,000 ล้านสี ซึ่งจากประสบการณ์ที่ได้ทดลองใช้งานจริง ถึงตาจะไม่เทพขนาดนั้นแต่ก็ประทับใจในความสวยงามของภาพและความคมชัดของตัวหนังสือบนเว็บไซต์ ซึ่งสำหรับผู้เขียนเองที่ต้องอ่านเรื่องราวบนเว็บไซต์เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน MacBook Air รุ่นใหม่นี้ให้ประสบการณ์ที่ดีเอามากๆ ถึงจะแอบรู้สึกสะดุดกับ ‘รอยบาก’ บนหน้าจอบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไร
หัวใจสำคัญของ MacBook Air 2024 คือชิป M3 ที่ Apple ออกแบบเอง ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ทำงานด้วย CPU แบบ 8-core ที่สุดทรงพลัง ร่วมกับ GPU ซึ่งอัปเกรดได้สูงสุดแบบ 10-core ทำให้เครื่องทรงพลังอย่างแรง เมื่อเทียบกับ 2 รุ่นก่อนหน้า (ชิป M1) ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และแรงกว่า MacBook Air ที่ใช้ชิปของ Intel ถึง 13 เท่า แต่สำหรับคนที่ใช้งานในรุ่นชิป M2 อาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก เพราะแรงขึ้นราว 20% ด้วยกัน
ในการใช้งานจริงก็ต้องบอกว่า MacBook Air รุ่นใหม่ทำงานได้แบบ ‘เหลือๆ’ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป เข้าเว็บ ใช้โปรแกรมการทำงานพื้นฐานตระกูล Office, ตัดต่อภาพนิดหน่อยด้วยโปรแกรมของตระกูล Adobe
นอกจากนี้ด้วยประสิทธิภาพของเครื่องแล้ว ในด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็ดีอยู่ สามารถเล่นเกมได้ด้วยประสิทธิภาพของชิป M3 ที่ดีพอที่จะสามารถรันเกมหนักๆ ได้ แม้บางครั้งจะดูเหมือนน้องต้องออกแรงเยอะจนตัวร้อนก็ตาม ซึ่งเรื่องระบบระบายความร้อนเป็นจุดอ่อนของ MacBook Air มาแต่ไหนแต่ไรเพราะไม่มีพัดลมในเครื่อง
ดังนั้นหากคุณต้องการตัดต่อรูปภาพและวิดีโอขั้นพื้นฐาน และเล่นเกมเบาๆ ให้เลือกใช้ Air แต่ถ้าคุณสนใจงานภาพถ่ายและวิดีโองานหนัก การเล่นเกม และการทำงานกับซอฟต์แวร์สร้างแบบจำลอง 3 มิติ MacBook Pro คือคำตอบที่น่าจะเหมาะสมกว่า (แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นอีกราว 20,000 บาทด้วยกัน)
สิ่งที่ดีงามที่สุดสำหรับคนที่ชอบการต่อภาพออกจอมอนิเตอร์ (เช่น ผู้เขียนที่เริ่มมีปัญหาสายตา) คือฟีเจอร์ในการต่อจอภาพภายนอกไม่ว่าจะเป็นของเทพอย่าง Apple Studio Display หรือจอมอนิเตอร์ทั่วไป ซึ่งทีเด็ดคือการต่อออกได้พร้อมกัน 2 จอ (แต่ต้องพับหน้าจอของ MacBook Air ลงด้วย) ผ่านพอร์ต Thunderbolt/USB4 (แต่นี่ก็เป็นข้อเสียเหมือนกันเพราะมีมาให้แค่ 2 พอร์ต หากต้องการใช้พอร์ตอื่นต้องซื้อหัวแปลงเพิ่ม) ซึ่งจะรองรับความละเอียดของจอนอกได้ความละเอียดสูงสุดถึง 6K ที่ 60Hz และจอที่สองที่ความละเอียดสูงสุด 5K ที่ 60Hz ซึ่งถ้าใช้ 2 จอพร้อมกันก็จะประยุกต์การทำงานได้หลากหลายรูปแบบ
แต่สำหรับคนใช้งานทั่วไปจอเดียวก็ถือว่าเพียงพอ และหากว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการทำงานที่บ้านหรือออฟฟิศ การพกพา MacBook Air M3 ไปทำงานด้วยก็เป็นเรื่องที่ดีต่อใจมากๆ เพราะน้ำหนักที่เบา (1.24 กิโลกรัมสำหรับรุ่น 13 นิ้ว) ทำให้พกพาได้สะดวก ที่สำคัญคือแบตเตอรี่อึดแบบดายฮาร์ดมาก สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 18 ชั่วโมง เรียกว่านั่งเพลินๆ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องแบตจะหมด
ส่วนพื้นฐานอื่นๆ นั้น MacBook Air รุ่นใหม่นี้ยังรักษาสิ่งดีๆ จากรุ่นที่แล้วเอาไว้ ด้วยดีไซน์ที่คุ้นเคยแบบ Unibody ที่ใช้อะลูมิเนียมทั้งชิ้น ไร้พัดลมระบายความร้อน ทำให้ตัวเครื่องบางเพียง 11.3 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 1.24 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการพกพาสะดวกไปทุกที่
ตัวดีไซน์นี้เองทำให้เครื่องดูเรียบหรู คลาสสิก และยังคงเอกลักษณ์ของ MacBook Air ไว้ได้อย่างครบถ้วน มี 4 สีให้เลือก มิดไนท์, สตาร์ไลท์, สีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน กล้องความละเอียด 1080p ที่ทำให้เวลาวิดีโอคอลภาพไม่แตกจนโดนแซวว่าใช้เครื่องคิดเลขถ่ายหรือเปล่า (เรื่องจริง!) ไปจนถึงลำโพง 4 ตัวที่ให้พลังเสียงใช้ได้อยู่
นอกจากนี้ MacBook Air 2024 มาพร้อมหน่วยความจำ RAM 8GB หรือ 16GB และพื้นที่เก็บข้อมูล SSD 256GB, 512GB, 1TB หรือ 2TB ผู้ใช้สามารถเลือกสเปกที่เหมาะสมกับการใช้งานได้เลย
MacBook Air รุ่น M3 นี้อาจจะเป็นการอัปเกรดเล็กน้อยจากรุ่นที่แล้วในแบบที่ชวนให้คิดว่านี่มันเป็นการอัปเดตแบบใด แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแล็ปท็อปมาหลายปี ด้วยความสามารถขนาดนี้ในสนนราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท (และถูกลงอีกสำหรับราคานักศึกษา) ก็ถือว่าเป็นการอัปเดตแบบใดต่อจี ดีต่อใจ ซื้อวันนี้ใช้สบายๆ ไปอีกหลายปีค่อยเปลี่ยนไง 🙂
หมายเหตุ: ภาพทั้งหมดถ่ายและปรับสีโดย iPhone 15 Pro Max
ภาพ: ภูมิ มะเดชะ
