ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 2-3 หมื่นล้านบาทกำลังจะถึงระเบิดความดุเดือดอีกครั้ง เมื่อเจ้าตลาดอย่าง M-150 ตรึงราคาไว้ไม่ไหว จำต้องปรับราคาขายปลีกจาก ‘10 บาท’ เป็น ‘12 บาท’ เป็นครั้งแรกในรอบ 37 ปี
ที่ผ่านมาเครื่องดื่มชูกำลังถูกตรึงราคาขายไว้ที่ขวดละ 10 บาทมาเป็นระยะเวลายาวนาน ด้วยเป็น Magic Price Point ที่เป็นราคาซื้อขายคล่อง ผู้บริโภคหยิบซื้อโดยไม่ต้องคิดมาก ซึ่งยักษ์ใหญ่ในตลาดล้วนกำหนดราคาขายไว้เท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็น M-150, คาราบาวแดง และกระทิงแดง ในจำนวนนี้มีเพียงลิโพที่เลือกจะขายในราคา 12 บาทอยู่ก่อนแล้ว
ล่าสุดแหล่งข่าวที่เป็นดีลเลอร์ในจังหวัดภาคเหนือตอนล่างแห่งหนึ่งให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางโอสถสภาซึ่งเป็นผู้ผลิต M-150 ได้แจ้งถึงการปรับราคา ซึ่งได้ชิมลางด้วยการปรับจากลังละ 425 บาท มาเป็น 435 บาท ก่อนที่ในเดือนมีนาคมจะปรับขึ้นเป็น 520 บาท
“ราคาที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายปลีกต้องเพิ่มเป็นขวดละ 12 บาท” แหล่งข่าวกล่าว “ปกติการขึ้นราคามักจะทิ้งช่วง แต่รอบนี้แปลกที่ขึ้นราคาติดกันเลย” โดยคาดว่าราคาที่ปรับขึ้นมาจากเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น ทั้งค่าแรง และโดยเฉพาะค่าน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ราคาใหม่ของ M-150 ยังมาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ จากเดิมเป็นขวดเหลี่ยมมาเป็นขวดกลมที่สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ขณะที่โอสถสภาให้ข้อมูลกับTHE STANDARD WEALTH ว่า สูตรใหม่นี้เพิ่มวิตามิน B เป็น 2 เท่าน้ำตาลน้อยกว่า สำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพ ส่วน M-150 ราคา 10 บาทก็ยังจะมีอยยู่
สิ่งที่น่าจับตาคือปกติแล้ว ‘เครื่องดื่มชูกำลัง’ เป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกแบรนด์จึงตรึงราคาเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่าย และหันไปเน้นทำแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้แทน แต่การขยับตัวของเจ้าตลาดในครั้งนี้ยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนว่าจะสั่นคลอนต่อยอดขายมากน้อยหรือไม่ เพราะตลาดแมสราคา 10 บาทนั้นคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของตลาด ขณะที่พรีเมียมมีสัดส่วนเพียง 20% เท่านั้น
“คาราบาวแดงยังแบ่งรับแบ่งสู้ในการแจ้งขายที่ราคาเดิม 10 บาท ส่วนตัวเชื่อว่าคงมองการปรับราคาของ M-150 จะมีผลต่อยอดขายหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที แต่สำหรับกระทิงแดงยังยืนยันเป็นราคาเดิม” โดยราคาที่เตรียมปรับขึ้นของ M-150 นั้น ทำให้ร้านค้าบางส่วนเริ่มกักตุนสินค้าแล้ว
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เพิ่งรายงานผลประกอบการในปี 2564 พบว่า ‘ข้อได้เปรียบจากการมีพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่แข็งแกร่ง และเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อถือ’ ทำให้ส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ประกอบไปด้วย M-150, ลิโพ และโสมอินซัม เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 54.6% โดยส่วนแบ่งของ M-150 เพิมขึ้น 0.5% ส่วนลิโพขึ้น 0.2%
สำหรับ ‘คาราบาวแดง’ นั้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานรายได้จากการขายในประเทศจำนวน 5,697 ล้านบาท ลดลง 4.8% เกิดจากการลดลงของเครื่องดื่มคาราบาวแดงเป็นหลัก โดยในปี 2564 ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศปรับตัวลดลง 7.5% โดยคาราบาวแดงอยู่อันดับที่ 2 หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 20.7%
ในภาพรวมโอสถสภามียอดขายรวม 26,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% กำไรสุทธิ 3,255 ล้านบาท ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เฉพาะรายได้รวมจากการขายของเครื่องดื่มอยู่ที่ 22,709 ล้านบาท เติบโต 5.4% จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่คาราบาวกรุ๊ปมีรายได้จากการขาย 17,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% แต่กำไรสุทธิลดลง 18.3% เหลือ 2,881 ล้านบาท
ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 โอสถสภามีราคาหุ้นอยู่ที่ 34 บาท คิดเป็นมาร์เก็ตแคป 102,127.50 ล้านบาท ส่วนคาราบาวกรุ๊ปมีราคาหุ้น 102 บาท คิดเป็นมูลค่าตลาด 102,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า มูลค่าตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic Beverage) แบบพร้อมดื่ม ปี 2564 รวมน่าจะอยู่ที่ 197,000-199,000 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในกรอบ 0.5-1.5%
ลึกลงไปน้ำอัดลมและโซดาเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดด้วยสัดส่วน 31% ตามด้วยน้ำดื่ม 22%, เครื่องดื่มชูกำลัง 13%, น้ำผลไม้ 9%, กาแฟ 7%, ชา 7%, เครื่องดื่มเกลือแร่ 4% และอื่นๆ 7%
อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากเครื่องดื่มชูกำลังแล้ว กาแฟกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมกล่องต่างๆ ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ด้วย โดยคาดว่าจะขึ้น 10-20 บาทต่อลัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: