วันนี้ (24 สิงหาคม) ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท เดินทางมายังประตูทางเข้าอาคารรัฐสภาฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี พร้อมกับนำผลตรวจใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลพญาไท 1 มายืนยันต่อสื่อมวลชนว่าตาขวาบอดจริง ซึ่งมี พญ.ณฐมน ศรีสำราญ เป็นผู้วินิจฉัย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนจะยื่นเอกสารให้กับผู้ช่วยของ สิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ
ธนัตถ์กล่าวว่า อาการของดวงตาขณะนี้ยังสามารถขยับและกะพริบได้ปกติ แต่จะไม่สามารถลืมตาได้ ซึ่งการกะพริบตาได้ไม่ได้แปลว่าตาจะไม่บอด พร้อมปฏิเสธกรณีที่สิระอ้างข้อมูลว่าตาของตนมองเห็นได้ 15% นั้น ขอท้าพิสูจน์ให้มาตบที่ดวงตาหากมองเห็นได้จริงยินดีจ่ายให้สิระ 1.5 ล้านบาท เพราะส่วนตัวก็อยากให้ดวงตากลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม และยอมให้ท้าตบเพราะไม่รู้สึกมีอาการเจ็บแต่อย่างใด
ส่วนกรณีการออกมาอยู่กลางแจ้งจะกระทบต่อดวงตาหรือไม่นั้น ธนัตถ์ระบุว่า แพทย์ก็มีข้อห้าม แต่ตนปฏิบัติตามใจตัวเอง ส่วนแนวโน้มการรักษาคงต้องรอนวัตกรรมทางการแพทย์ในอนาคต
ธนัตถ์ยังกล่าวถึงการเตรียมตั้งนามสกุลใหม่ โดยเปิดเผยว่าการตั้งนามสกุลครั้งใหม่ขอเป็นตัวของตัวเองและไม่เหมารวมกับใคร ซึ่งคนอื่นในครอบครัวจะรักใครชอบใครก็เรื่องของเขา แต่ส่วนตัวยังรักคุณแม่และน้องสาวเหมือนเดิม
“ผมมองว่ามนุษย์เราสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตและเกียรติ ถ้าไม่มีไม่รู้จะเกิดมาเป็นมนุษย์ทำไม การริดรอนสิทธิ์กันโดยเฉพาะสิทธิ์เรื่องสำคัญของการเรียกร้องประชาธิปไตย การต่อสู้ของประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย การที่จะมาออกกลอุบายกันแบบนี้ทำไม่ได้ ใครมาขวางคงต้องเป็นศัตรูกัน เพราะว่าวันนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่เพียงแต่ดวงตาแต่พร้อมมอบทั้งชีวิต เหมือนที่ผมเคยบอกว่าเดิมพันด้วยชีวิต ภารกิจเปลี่ยนการเมืองยังเป็นเหมือนเดิม ผมเอาชีวิตเป็นเดิมพันได้เลย การเมืองต้องดีขึ้นเท่านั้น นี่คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของผม จะหยุดผมก็ฆ่าผมให้ตาย ไม่มีทางอื่น” ธนัตถ์กล่าว
ส่วนความไม่สบายใจของบางฝ่ายจากกรณีการแต่งคอสเพลย์นั้น ธนัตถ์ชี้แจงว่า อะไรที่กระทบจิตใจใครไปต้องขอโทษด้วย ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นใคร และไม่มีเจตนาที่อยากให้ประชาชนคนที่เฉยๆ หรือเป็นคนที่จงรักภักดี หรือทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธเคืองเดือดร้อนเพราะว่าเป็นการบั่นทอนจิตใจ ซึ่งตนก็ขอโทษด้วย ไม่อยากให้รู้สึกแบบนั้น ไม่อยากเป็นศัตรูกับใคร โดยเฉพาะ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ ทยา ทีปสุวรรณ ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับทั้งสองคนนี้ เพราะไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแล้วและไม่ได้กลับมาเล่นการเมืองแล้ว ปล่อยเขาไปเป็นอดีต พร้อมยอมรับว่าส่วนตัวเป็นโรคซึมเศร้า เพราะแค่เรื่องเล็กน้อยตนเองก็โวยวายแล้ว ซึ่งก็รู้ว่าทำให้เสียสุขภาพจิต